![](https://www.infoquest.co.th/wp-content/uploads/2025/02/20250213_Canva_ThaiESG-1024x576.png)
นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงประเด็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์การออกกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อกฎหมาย และเงื่อนไขต่าง ๆ ในการโยกเงินกองทุน LTF ที่ครบอายุ และนักลงทุนที่ไม่อยากขายเพราะขาดทุน เข้าสู่กองทุน ThaiESG ซึ่งจะตั้งเป็นกองใหม่ เพื่อให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ต่อเนื่อง
โดยคาดว่าระยะเวลาถือครองกองใหม่อยู่ที่ 5 ปี ขณะที่สัดส่วนในการลงทุนอยู่ระหว่างการศึกษา แต่คาดว่าจะเน้นลงทุนหุ้นไทยที่เกี่ยวข้องกับ ESG โดยได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษา ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็ว ๆ นี้
หน่วยงานกำลังเร่งพิจารณาขั้นตอน และกระบวนการต่าง ๆ โดยยืนยันว่า จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด คาดว่าจะมีความชัดเจนไม่เกินเดือน ก.ย. 2568″ รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุ ส่วนกระบวนการ และวิธีการโอนหน่วยลงทุนว่าจะดำเนินการอย่างไร ยังต้องขอพิจารณารายละเอียดในข้อกฎหมายก่อน
“หลักคิด คือ ปกตินักลงทุนจะมอง 2 เรื่อง คือผลประโยชน์ด้านภาษี และผลตอบแทนจากการลงทุนเมื่อขายหน่วยลงทุน แต่วันนี้ ราคาหุ้นในตลาดปรับตัวลดลงพอสมควร สะท้อนว่านักลงทุนที่ถือ LTF จะยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอยู่ แต่อาจจะขาดทุนจากการขายหน่วยลงทุน ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงจะเปิดกองทุน Thai ESG ขึ้นมาอีกกองทุนหนึ่ง แปลว่า นักลงทุนจะยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอยู่ และยังสามารถชะลอการขายหน่วยลงทุนได้ เพื่อให้มีเวลาในการเลือกว่าจะลงทุนอะไร ซึ่งการลงทุนก็จะอิงบริษัทที่มีการลงทุนใน ESG ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่”
นายพิชัย กล่าว
*เล็งประเดิมทดสอบ Sandbox Tokenization Bond วงเงิน 5 พันลบ.
พร้อมระบุว่า กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการพิจารณาออก Tokenization Bond ซึ่งจะเป็นการซื้อขายเปลี่ยนมือผ่านแพลตฟอร์ม สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยหลักคิดของการออก Tokenization Bond เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการกู้เงินตามปกติของรัฐบาล เพื่อใช้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณ และรีไฟแนนซ์หนี้เก่า ซึ่งที่ผ่านมา การออกพันธบัตรของรัฐบาลจะขายให้แก่นักลงทุนสถาบันรายใหญ่ และขายให้บุคคลทั่วไปบ้าง
เบื้องต้น คาดว่าจะทดลองระบบจำหน่าย Tokenization Bond เป็น Sand Box วงเงินราว 5,000 ล้านบาท หลังจากนั้นจะมีการประเมินทิศทางตลาดและการตอบรับว่าเป็นอย่างไรต่อไป ส่วนรายละเอียดนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษา และจะต้องมีการสรุปวิธีการ ขั้นตอนการดำเนินการทั้งหมด และรายงานไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณา
*ทบทวนเกณฑ์นำเงินกลับเข้ามาในประเทศ
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนแก้ไขกฎหมายเพื่อจูงใจให้นักลงทุนไทยที่นำเงินไปลงทุนประกอบกิจการในต่างประเทศ ซึ่งมีจำนวนมากขึ้น สามารถนำเงินรายได้ หรือกำไรกลับเข้ามาในประเทศอย่างสะดวกมากขึ้น แต่ยังไม่อยากให้นำไปพูดว่าการแก้ไขครั้งนี้เพื่อให้ผู้ที่นำเงินกลับเข้ามาในประเทศไม่ต้องเสียภาษี เพียงแค่อยากทบทวนเรื่องนี้ใหม่อีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร ให้มีความสมเหตุสมผลมากขึ้น
“ปัจจุบัน มีคนนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศเยอะมาก แต่ยังไม่ยอมนำกลับเข้ามาในประเทศ ซึ่งก่อนหน้านั้น ไทยได้เคยมีการแก้ไขกฎหมายในเรื่องนี้ไปแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของ OECD คือความเสมอภาคกันทั้งโลกในการเสียภาษี แต่ที่ผ่านมา ด้วยมาตรการหรือประกาศของบางรัฐบาลที่ว่าเรื่องนี้เอา เรื่องนี้ไม่เอา ทำให้หลายเรื่องไม่สอดคล้องกัน จนเกิดเป็นผลเสีย จึงจำเป็นที่จะต้องนำเรื่องนี้กลับมาทบทวนอีกครั้ง ว่าเราจะเดินหน้าอย่างไร หรือจะทำอย่างไร แต่ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่ใช่การยกเว้นภาษีจากการนำเงินกลับเข้ามาในประเทศแน่นอน เป็นแค่การทบทวนว่า จะทำอย่างไรให้นำเงินกลับเข้ามาง่ายขึ้นเท่านั้น”
รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุ
นอกจากนี้ รัฐบาลมีแนวคิดชักชวนบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากปัจจุบันไทยมุ่งเน้นการชักชวนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศอยู่แล้ว ดังนั้นจะมีการพูดคุยเจรจา เพื่อให้บริษัทต่างประเทศ ตั้งศูนย์วิจัยในไทย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ในไทยได้ต่อเนื่อง นำไปสู่การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สะดวกต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์บริษัทนั้น ๆ มากขึ้น และตลาดหุ้นไทยก็จะมีบริษัทที่มีคุณภาพเข้ามาเพิ่ม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.พ. 68)
Tags: ThaiESG, กระทรวงการคลัง, กอง LTF, นักลงทุน, พิชัย ชุณหวชิร