![](https://www.infoquest.co.th/wp-content/uploads/2025/02/9F7D7B4E3CCED3940294FC01DF024D9D.jpg)
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวถึงโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต (เฟส 3) โดยยืนยันว่า เงินดิจิทัลที่ประชาชนจะได้รับจากโครงการในเฟส 3 นี้ จะไม่สามารถนำไป “เปลี่ยน” เป็นเงินสดได้ตามที่มีกระแสข่าว แต่จะสามารถนำเงินดิจิทัลไป “ใช้จ่าย” แทนเงินสด เพื่อซื้อสินค้าได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ยอมรับว่า กำลังพิจารณาปรับลดเงื่อนไขสำหรับการใช้จ่ายเงินดิจิทัล เฟส 3 เพื่อให้ง่ายขึ้นสำหรับประชาชน และร้านค้า โดยเท่าที่หารือกันในขณะนี้ เงื่อนไขการใช้จ่ายจะยังคงคล้ายเดิม อาทิ การใช้จ่ายภายในเขตอำเภอ, การใช้จ่ายรอบที่ 1 และรอบที่ 2 ของร้านค้า แต่อาจจะมีการผ่อนคลายเงื่อนไขบางข้อที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานของประชาชน และร้านค้า
ส่วนรายละเอียดทั้งหมดยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจน ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาต่อไป
“ยืนยันว่า เฟส 3 จะอยู่ในมิติของเงินดิจิทัล และยืนยันว่าไม่สามารถนำเงินดิจิทัลที่ได้รับ ไปแลกเป็นเงินสดได้ เงื่อนไขการใช้จ่ายยังเป็นไปตามเดิม คือ นำไปใช้จ่ายแทนเงินสด ส่วนการปรับเงื่อนไขให้เปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายขึ้นที่เป็นประเด็นนั้น หมายถึงการ cash out ของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ง่ายขึ้นเท่านั้น ส่วนประชาชนยังเหมือนเดิม คือ นำไปใช้จ่ายแทนเงินสดได้” รมช.คลัง ระบุ
สำหรับการทดสอบระบบ Open Loop กับสถาบันการเงินนั้น นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ยังอยู่ในกระบวนการ ซึ่งทุกอย่างยังคงเดินหน้าตามไทม์ไลน์ทั้งหมด
นายเผ่าภูมิ กล่าวด้วยว่า จากการศึกษาดัชนี Gini Coefficient ซึ่งใช้วัดความเหลื่อมล้ำ ที่ระบุว่าเม็ดเงินจากโครงการโอนเงิน 10,000 บาท (เฟส 1) ให้กับประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านราย วงเงิน 1.45 แสนล้านบาทนั้น ช่วยลดความเหลื่อมล้ำลง 3 ปี ไม่ได้เป็นตัวเลขที่มากเกินไป เนื่องจากกระบวนการนี้เป็นการใส่เม็ดเงินขนาดใหญ่ มีการใช้หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ในการคัดเลือกผู้ที่จะได้รับเงิน ซึ่งทั้งหมดเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยโดยเฉพาะ และเม็ดเงินตรงนี้เข้าไปช่วยเพิ่มในเรื่องความสามารถในการจับจ่ายใช้สอย เพิ่มฐานะ ซึ่งนั่นคือการลดความเหลื่อมล้ำโดยอัตโนมัติ
“จากผลการศึกษา พบว่าเม็ดเงินจากโครงการเฟส 1 ทำให้ดัชนี Gini ลดลง 0.01% ซึ่งหากไม่มีการใส่มาตรการอะไรเข้าไปเลย ดัชนี Gini ของทุกประเทศจะลดลงอยู่แล้ว เมื่อเศรษฐกิจมีการเติบโต เทคโนโลยีดีขึ้น คนเข้าถึงการศึกษามากขึ้น แต่การลดลงจะเป็นไปอย่างช้า ๆ แต่เม็ดเงินจากโครงการเฟส 1 ที่ลงไปวันนี้ ช่วยลดดัชนี Gini ของประเทศไทยลง 0.01% ถือว่าเร็วขึ้นกว่าการไม่ทำอะไรเลยถึง 3%” นายเผ่าภูมิ ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.พ. 68)
Tags: กระทรวงการคลัง, ดิจิทัลวอลเล็ต, เงินหมื่นเฟส 3, เผ่าภูมิ โรจนสกุล, แจกเงินหมื่น