HotIssue: ทองคำพุ่งไม่หยุด!! จับจังหวะเข้าเก็บก่อนวิ่งไป 3,000 เหรียญ

ราคาทองวันนี้ขึ้นต่อทำ All Time High ล่าสุดแตะ 2,942 เหรียญ/ออนซ์ นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวกับ”อินโฟเควสท์”ว่า เป็นเพราะความไม่แน่อนและความกังวลของนโยบายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

โดยคำสั่งล่าสุดของทรัมป์ที่ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% ที่เป็นแรงหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง รวมไปถึงข่าวลือที่ทรัมป์จะเก็บภาษีนำเข้าทองคำ ยิ่งทำให้ดีลเลอร์สหรัฐเร่งตุนทองคำไว้ จากตัวเลขส่งออกทองคำจากสวิสเซอร์แลนด์ อังกฤษ อินเดียไปสหรัฐเพิ่มขึ้น รวมไปถึงภาพความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงมากขึ้น ยิ่งไปสนับสนุนราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปอีก

แต่ก็ยังมีปัจจัยลบ จากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ไม่เร่งปรับลดดอกเบี้ย ตลาดคาดการณ์ เฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยปีนี้ 1-2 ครั้งเท่านั้น แต่หากเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น เฟดอาจไม่ปรับลดดอกเบี้ย ก็จะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่ามาก ๆ ก็จะส่งผลให้ความต้องการลงทุนทองคำลดลง

อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์นี้ต้องจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในการรายงานต่อสภาพคองเกรส คืนนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐ อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากเฟดกังวลท่าทีต่อเงินเฟ้อมากก็อาจไม่ปรับลดดอกเบี้ย หรือแสดงความกังวลความไม่ชัดเจนของนโยบายการเงินของทรัมป์ ส่งให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล(บอนด์ยีลด์)ปรับตัวขึ้น จะส่งผลลบต่อราคาทองคำ ซึ่งอาจจะเห็นการพักฐาน หรืออ่อนตัวของราคาทองคำ

จังหวะที่รอย่อที่จะเข้าเก็บ ให้รอที่แนวรับ 2,905 , 2,895 เหรียญ/ออนซ์ ถ้าไม่หลุดแนวรับนี้ น่าจะเห็นจังหวะสร้างฐาน ทรงตัวระดับสูง และคาดว่าน่าจะมีแรงซื้อเข้ามาให้ราคาทองปรับตัวขึ้นได้ไว้ 2,942-2,946 เหรียญ/ออนซ์ โดยให้จุด Stop Loss ที่ 2,888 เหรียญ/ออนซ์

อย่างไรก็ดี หากราคาทองคำขึ้นไปแบบไม่พัก อาจจะเห็น All Time High อีกครั้ง แต่หากย่อตัวลงมา สร้างฐานบริเวณแนวรับได้สักพักแล้วขยับขึ้นไป 3-4 วันน่าจะผ่านแนวต้าน 2,942-2,946 เหรียญ/ออนซ์ และน่าจะขึ้นไนแนวต้าน 2,975 เหรียญ/ออนซ์ และก็อาจพักฐาน ใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ และหากยังไต่ขึ้นไปได้น่าจะเข้าใกล้ 3,000 เหรียญ/ออนซ์ได้ ตามที่ซิตี้กรุ๊ปให้เป้าราคาทองคำไว้ ในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.พ. 68)

Tags: , , , , , ,
Back to Top