นายกฯ สั่งติดตามผลตัดไฟ-ตัดเน็ตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดีอีขอ 15 วันสรุปข้อมูลเฟสแรก

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าในการจัดการกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังมีมาตรการตัดไฟฟ้า น้ำมัน และอินเตอร์เน็ตในฝั่งเมียนมา ว่า ที่เห็นชัดคือการใช้ไฟที่ลดลง โดยไฟฟ้าลดปริมาณลงไป 40-50% ซึ่งนายประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แจ้งว่าอีกประมาณ 2 สัปดาห์ จะได้ข้อมูลที่ชัดเจน

“อาจจะเก็บข้อมูลยากเล็กน้อย เพราะเมื่อเราตัดไฟ แต่ผลที่เกิดขึ้นคือฝั่งเมียนมา ในขณะที่ฝั่งไทยจะต้องดูว่า จำนวนที่คอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอกลวงในฝั่งไทยน้อยลงหรือไม่” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนความคืบหน้าของความร่วมมือระหว่างประเทศในการช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมีคณะทำงานที่จะทำงานร่วมกัน 2 ประเทศ ระหว่างไทย-จีน ซึ่งจีนเสนอว่าจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง และรูปแบบคณะทำงานจะทำให้เกิดความรวดเร็วในการจัดการปัญหาเหล่านี้ โดยจะได้พูดคุยผ่าน รมว.ต่างประเทศ

 

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ครม. นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งหน่วยงานความมั่นคง เร่งหาความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติออนไลน์ กับทางการจีนอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดีอี ได้รายงานเบื้องต้นว่า ผลจากมาตรการตัดไฟฟ้า น้ำมัน และอินเตอร์เน็ตในเมียนมานั้น คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15 วัน ถึงจะทราบผลในเฟสแรก ส่วนเฟส 2 จะใช้เวลาประมาณ 30 วัน พร้อมกันนี้ ได้ประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เพื่อประสานไปยังฝั่งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงิน ขณะเดียวกันได้กำชับเรื่องการลดขนาดความสูงของเสาสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามแนวชายแดน รวมถึงลดกำลังการส่งสัญญาณลง

โดยได้รับรายงานเบื้องต้นว่า ประชาชนรับสายโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลง ซึ่งต้องรอดูอีกระยะว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมีการปรับตัวกับมาตรการตัดไฟฟ้า ตัดอินเตอร์เน็ตในครั้งนี้อย่างไร

 

นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุม ครม. นายกรัฐมนตรี ยังมีข้อสั่งการให้กระทรวงคมนาคม เร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 1 พร้อมทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย ที่ ครม. เพิ่งอนุมัติไป เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายการเดินทางทั้งประชาชน และสินค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย รวมถึงเร่งประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการ Landbridge เพื่อให้เกิดการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน

ขณะเดียวกัน ในด้านสินค้าการเกษตร ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดติดตามการจัดตั้ง Joint Working Group ไทย-จีน ร่วมกันจัดทำมาตรฐานและกำหนดข้อตกลงที่เกี่ยวกับแนวทางดำเนินการตรวจปล่อยสินค้าเกษตรระหว่างกัน (Mutually Acceptable Procedure) ในสินค้าพืช ปศุสัตว์ (โคเนื้อ) และประมง ให้เกิดผลโดยเร็ว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.พ. 68)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top