ไทยท็อป 10 ส่งออกอะลูมิเนียมให้สหรัฐฯ เสี่ยงถูกกระทบหนักจากมาตรการภาษีทรัมป์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งเมื่อวันจันทร์ (10 ก.พ.) ให้ปรับขึ้นอัตราภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ เป็น 25% จากอัตราเดิมที่ระดับ 10% และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มี.ค. โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ ที่กำลังประสบปัญหา อย่างไรก็ดี ตลาดกังวลว่ามาตรการดังกล่าวทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามการค้ายิ่งสูงขึ้น

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีได้รวบรวมรายชื่อประเทศที่คาดว่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากมาตรการภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ แต่ก็มีหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกอะลูมิเนียมรายใหญ่อันดับ 10 ให้กับสหรัฐฯ

 

สหรัฐฯ ได้ประโยชน์มากสุดจากมาตรการภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม

อาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่สหรัฐฯ จะเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากมาตรการภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม โดยข้อมูลของทางการสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า การนำเข้าเหล็กของสหรัฐฯ ลดลงอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ในปี 2567 ตัวเลขการนำเข้าเพิ่มขึ้นแตะระดับ 26.2 ล้านเมตริกตัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าเป็นผลมาจากมาตรการภาษีที่นำมาใช้ในช่วงที่ปธน.ทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรก

ส่วนการนำเข้าอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 14% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การส่งออกอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2563

เจมส์ แคมป์เบลล์ นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ CRU กล่าวกับซีเอ็นบีซีว่า “ผมคาดว่ามาตรภาษีจะส่งผลต่อสหรัฐฯ แตกต่างกันไปตามช่วงเวลา โดยในช่วงแรก อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ ส่วนในระยะยาว เราอาจเห็นการลงทุนที่เพิ่มขึ้น”

แคมป์เบลล์กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่ปธน.ทรัมป์ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีเมื่อครั้งที่เขาดำรงตำแหน่งสมัยแรกในปี 2561 สหรัฐฯ ได้เห็นการลงทุนเพิ่มขึ้นทั้งในอุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียม

ทั้งนี้ ในระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์เก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากแคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (EU) นอกจากนี้ รัฐบาลของเขายังจำกัดปริมาณการนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ รวมถึงเกาหลีใต้ อาร์เจนตินา และออสเตรเลีย

รายงานจากสำนักงานวิจัยแห่งรัฐสภาสหรัฐฯ ระบุว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของการใช้มาตรการดังกล่าว รัฐบาลทรัมป์สามารถจัดเก็บรายได้มากกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์

ส่วนในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันจันทร์ หุ้นบริษัทผลิตเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับมุมมองบวกที่ว่าบริษัทเหล่านี้จะได้ประโยชน์จากการที่ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม โดยหุ้นนูคอร์ (Nucor) หุ้นยูเอส สตีล (U.S. Steel) และหุ้นสตีล ไดนามิกส์ (Steel Dynamics) ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 4% ส่วนหุ้นคลีฟแลนด์-คลิฟส์ (Cleveland-Cliffs) ทะยานขึ้น 18% หุ้นเซนจูรี อะลูมิเนียม (Century Aluminum) พุ่งขึ้น 10% และหุ้นอัลโค (Alcoa) ดีดตัวขึ้น 2%

 

แคนาดา-เม็กซิโกถูกกระทบหนักสุด ในฐานะผู้ส่งออกเหล็ก-อะลูมิเนียมรายใหญ่ให้สหรัฐฯ

แคนาดาและเม็กซิโกเป็นสองประเทศผู้ส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมรายใหญ่สุดของสหรัฐฯ และมีความเสี่ยงที่จะถูกกระทบมากที่สุดจากมาตรการนี้ ขณะที่เยอรมนีเกาหลีใต้ เวียดนาม และญี่ปุ่น ก็ติดกลุ่มประเทศที่จะได้รับผลกระทบเช่นกัน

ส่วนประเทศไทยนั้น คาดว่าจะได้รับผลกระทบในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากไทยเป็นผู้ส่งออกอะลูมิเนียมรายใหญ่อันดับ 10 ให้กับสหรัฐฯ

ข้อมูลจากคณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า แคนาดาเป็นประเทศผู้ส่งออกเหล็กรายใหญ่อันดับ 1 ของสหรัฐฯ รองลงมาคือ เม็กซิโก บราซิล เกาหลีใต้ เยอรมนี ญี่ปุ่น ไต้หวัน เวียดนาม อิตาลี และจีน

นอกจากนี้ แคนาดายังเป็นผู้ส่งออกอะลูมิเนียมรายใหญ่อันดับ 1 ให้กับสหรัฐฯ รองลงมาคือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เกาหลีใต้ จีน บาห์เรน อาร์เจนตินา อินเดีย เม็กซิโก เยอรมนี และไทย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.พ. 68)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top