เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ออกคำสั่งเมื่อวันจันทร์ (10 ก.พ.) ห้ามรัฐนิวยอร์กใช้แอปพลิเคชันปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากดีปซีค (DeepSeek) ในอุปกรณ์ของรัฐบาล โดยให้เหตุผลว่ามีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการเซนเซอร์ของ DeepSeek และความเสี่ยงที่ DeepSeek อาจถูกใช้โดยรัฐบาลต่างชาติเพื่อทำการสอดแนม
เว็บไซต์ nbcnews.com รายงานว่า แอป AI ของ DeepSeek ซึ่งพัฒนาโดยห้องวิจัยขนาดเล็กที่เป็นของไฮ-ฟลายเออร์ (High-Flyer) ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของจีนนั้น ได้รับทั้งเสียงชื่นชมและความเคลือบแคลงสงสัย หลังจากได้รับความนิยมแซงหน้าโมเดล AI ชื่อดัง
“ความปลอดภัยของประชาชนคือสิ่งที่ดิฉันให้ความสำคัญที่สุด และเรากำลังดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อปกป้องชาวนิวยอร์กจากภัยคุกคามทั้งในและนอกประเทศ” โฮชุลระบุในแถลงการณ์ “รัฐนิวยอร์กจะเดินหน้าต่อสู้กับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล และป้องกันการเซนเซอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ”
แอป DeepSeek ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยขึ้นอันดับ 1 ในแอปสโตร์ของแอปเปิ้ล (Apple) ในเดือนม.ค. ทำให้แชตจีพีที (ChatGPT) ของโอเพนเอไอ (OpenAI) ตกไปอยู่ในอันดับ 2
เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความฮือฮาในซิลิคอนแวลลีย์ และส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ในขณะที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีต้องเผชิญกับการแข่งขันด้าน AI ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
DeepSeek ได้รับความสนใจเพราะสามารถพัฒนาโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าโมเดลของบริษัทสหรัฐฯ หลายแห่ง และอ้างว่าสามารถพัฒนาได้ด้วยต้นทุนที่ถูกกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของแอปจากจีนนั้นทำให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ กังวลว่าอาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
กฎหมายของจีนกำหนดให้บริษัทต่าง ๆ ต้องให้ความร่วมมือและช่วยเหลือหน่วยข่าวกรองของรัฐบาล ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลที่บริษัทจีนถือครองถูกเข้าถึงได้โดยรัฐบาลจีน ขณะที่ในสหรัฐฯ นั้น หน่วยงานของรัฐส่วนใหญ่ต้องมีหมายศาลหรือคำสั่งศาลจึงจะสามารถเข้าถึงข้อมูลของบริษัทเทคโนโลยีได้
ในการสั่งแบน DeepSeek จากอุปกรณ์ของรัฐบาลรัฐนิวยอร์กนั้น สำนักงานของโฮชุลระบุถึงข้อสงสัยที่ว่า แอปของ DeepSeek อาจถูกใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้งาน และขโมยความลับทางเทคโนโลยี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.พ. 68)
Tags: DeepSeek, ดีปซีค, ปัญญาประดิษฐ์, รัฐนิวยอร์ก, สหรัฐ