![](https://www.infoquest.co.th/wp-content/uploads/2025/02/DF078C714D1DDE7A976D0576C2060668.jpg)
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี [MFC] เปิดเผยว่า บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดเสนอขาย IPO กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ยูเอส ทริกเกอร์ ซีรี่ส์ 2 (MFC US Trigger Fund Series 2) หรือ MUST2 ซึ่งเป็นทริกเกอร์ฟันด์ เน้นลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีธุรกิจที่ได้เปรียบทางการแข่งขันสูง มีแนวโน้มเติบโตสูงระยะยาวและลงทุนหุ้น กลุ่มสถาบันการเงินและกลุ่มอื่น ๆ ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เช่น การผ่อนคลายกฎหมาย, การขยายการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และมาตรการทางภาษีต่อสินค้านำเข้า รวมทั้งต้องเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี กำไรมีแนวโน้มเติบโตและราคาหุ้น มี Momentum ที่ดี
กองทุน MUST2 มีนโยบายลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ หน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ (หน่วย CIS) กองทุนรวม ETF ต่างประเทศ หน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) เงินฝากและ/หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นๆ ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดหรือให้ความเห็นชอบ โดยจะลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทที่จัดตั้ง และ/หรือมีการลงทุน และ/หรือมีรายได้หลักจากการดำเนินธุรกิจในสหรัฐอเมริกาที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา และหรือภูมิภาคอื่น โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุนรวม
นอกจากนี้กองทุนจะพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์แต่ละประเภทในสัดส่วนตั้งแต่ 0 – 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยสัดส่วนการลงทุนในแต่ละประเภททรัพย์สินขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุนและตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะและอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivatives)เพื่อป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจากการลงทุนในต่างประเทศ ตามความเหมาะสมและสภาวการณ์ในแต่ละขณะโดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ที่ผู้จัดการกองทุนเห็นเหมาะสม
กองทุน MUST2 คาดหวังผลตอบแทนเป้าหมายที่ระดับ 5% ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) ภายในระยะเวลา 5 เดือน เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.65 บาทขึ้นไป จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติซึ่งมูลค่าหน่วยลงทุนที่จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติต้องไม่ต่ำกว่า 10.50 บาทต่อหน่วย
“จุดเด่นของกองทุน MUST2มีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตลงทุนตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละขณะเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุน ที่มีกังวลจากความไม่แน่นอนของนโยบายประธานาธิบดีทรัมป์ที่อาจจะมีผลทำให้ตลาดหุ้นผันผวน” นายธนโชติ กล่าว
กองทุนมีเป้าหมายจะเข้าลงทุนในหุ้นรายตัวประมาณ 30-40 ตัว ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV และอาจพิจารณาลงทุนใน ETFs โดยมีเกณฑ์การคัดเลือกหุ้น ที่ปัจจัยพื้นฐานดีและราคาหุ้นมี Momentum ดีในกลุ่มเทคโนโลยีและในกลุ่มหุ้น ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลทรัมป์ ซึ่งคัดเลือกจากหุ้น 150 แรกใน Solactive U.S. 500 Index โดยเป็นบริษัทที่สนับสนุน ตัวแทนจากพรรค Republican ในการเลือกตั้งของสหรัฐในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา
นายธนโชติ กล่าวอีกว่า บลจ.เอ็มเอฟซี มองตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังน่าสนใจลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเติบโตปัจจัยเสี่ยงเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มเติบโตดี จากฐานะการเงิน และ Business Model ที่แข็งแกร่ง คาดการณ์ผลประกอบการ (Earnings) ของบริษัทในดัชนี S&P500 จะเติบโต 12% ในปี 2025 นอกจากนี้หุ้นสหรัฐฯ บางตัว มีธุรกิจที่ได้เปรียบทางการแข่งขันสูง มีแนวโน้มเติบโตสูงระยะยาวในตลาดรวมขนาดใหญ่
“ถึงแม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่กำไรของบริษัทจดทะเบียนก็เติบโตเช่นกันเห็นได้จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P 500 ในไตรมาส 4 ปี 2567 จำนวน 305 บริษัทออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยคิดเป็นกว่า 77% ของบริษัทที่รายงาน จึงเป็นอีกปัจจัยหนุนตลาดหุ้น” นายธนโชติกล่าว
สำหรับกองทุน MUST2 เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 10-19 กุมภาพันธ์ 2568 มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท โดยผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงเวลา 5 เดือนแรกได้มูลค่าหน่วยลงทุนเป้าหมายไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนจากการลงทุน ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ทั้งนี้ กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.พ. 68)
Tags: MFC, กองทุนเปิด, ธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์, หุ้นสหรัฐ, หุ้นเทคโนโลยี, หุ้นแบงก์, เอ็มเอฟซี