ซาฟรูล อาซิซ รัฐมนตรีกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซียกล่าวต่อรัฐสภาในวันนี้ (6 ก.พ.) ว่า มาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บจากบางประเทศ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของมาเลเซียในระดับจำกัด
“การลงทุนจากสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งจนถึงขณะนี้ และมาเลเซียจะยังคงหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชิปร่วมกับสหรัฐฯ ต่อไป” ซาฟรูลกล่าว พร้อมเสริมว่า “เราต้องให้ความสำคัญกับมาตรฐานและการบังคับใช้ให้ดี เผื่อกรณีที่สหรัฐฯ ตัดสินใจขึ้นภาษีหรือจำกัดการส่งออก”
ซาฟรูลระบุว่า สหรัฐฯ เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของมาเลเซีย และเป็นตลาดส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันเสาร์ (1 ก.พ.) ในการกำหนดภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และ 10% สำหรับสินค้าจากจีน ก่อนจะประกาศระงับแผนเก็บภาษีสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน แต่ยังคงเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าจากจีนตามเดิมเมื่อวันอังคาร (4 ก.พ.)
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ยังได้จำกัดการส่งออกหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ขั้นสูงซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาโมเดล AI ไปยังหลายประเทศรวมถึงมาเลเซีย และห้ามการส่งออกไปยังจีนและรัสเซีย
ทั้งนี้ ซาฟรูลระบุเสริมว่า “รัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มภาษีการค้าเช่นที่เกิดขึ้นกับจีน แคนาดา และเม็กซิโก”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.พ. 68)
Tags: ซาฟรูล อาซิซ, มาเลเซีย, สหรัฐ, อุตสาหกรรมชิป