ดาวโจนส์ปิดลบ 122.75 จุด แต่ดัชนีลดช่วงลบหลังทรัมป์เบรกรีดภาษีเม็กซิโก

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (3 ก.พ.) แต่ดัชนีฟื้นตัวจากการดิ่งลงอย่างหนักในช่วงแรก โดยได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศชะลอแผนการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกออกไปอีก 1 เดือน

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,421.91 จุด ลดลง 122.75 จุด หรือ -0.28%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,994.57 จุด ลดลง 45.96 จุด หรือ -0.76% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,391.96 จุด ลดลง 235.49 จุด หรือ -1.20%

ในช่วงแรก ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวปธน.ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 10% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 ก.พ.

แต่ดาวโจนส์ลดช่วงลบ หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศชะลอแผนการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกในอัตรา 25% ออกไปอีก 1 เดือน ภายหลังจากที่ปธน.คลอเดีย เชนบาม ผู้นำเม็กซิโก ยินยอมที่จะส่งกำลังทหารจำนวน 10,000 นายไปประจำการตามแนวชายแดนตอนเหนือเพื่อป้องกันการลักลอบนำยาเสพติดจากเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐฯ โดยเฉพาะยาเฟนทานิล

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า นักลงทุนคลายความวิตกกังวลมากขึ้น หลังจากปธน.เชนบามของเม็กซิโกได้โพสต์ข้อความผ่านทางเอ็กซ์ (X) ว่า “เรามีการสนทนาที่ดีกับปธน.ทรัมป์ เป็นการสนทนาที่เคารพต่อความสัมพันธ์และอธิปไตยของเรา ทำให้เราสามารถบรรลุข้อตกลงหลายประการ”

หุ้นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่างฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor) และเจเนอรัล มอเตอร์ (General Motors) ซึ่งเคยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรนั้น ลดช่วงลบ หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก

ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ในระหว่างวัน ก่อนที่จะชะลอตัวลงในเวลาต่อมา

ส่วนดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปต่ำ ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.8 จากระดับ 49.2 ในเดือนธ.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ส่วนเมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างพุ่งขึ้น 4.3% ในเดือนธ.ค.

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 256,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือนม.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.พ. 68)

Tags: , , ,
Back to Top