เงินบาทเปิด 33.63/65 แข็งค่าหลังมีแรงขายดอลลาร์ ตลาดจับตาตัวเลข PCE สหรัฐ

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.63/65 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.71 บาท/ดอลลาร์

ทั้งนี้ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/67 ขยายตัวต่ำกว่าคาด ขณะเดียวกัน ตลาดยังกังวลเรื่องนโยบายภาษีของสหรัฐฯ และนโยบายของทรัมป์ ทำให้มีการซื้อสกุลเงินและสินทรัพย์ปลอดภัย ปัจจัยดังกล่าวไม่ได้ทำให้เงินบาทอ่อนค่าไปได้มาก เนื่องจากราคาทองคำพุ่งสูง จึงทำให้แรงขายดอลลาร์หนุนค่าเงินบาทให้ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าขึ้น ประกอบกับเมื่อคืนนี้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าด้วย

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ที่ 33.55 – 33.80 บาท/ดอลลาร์ นักลงทุนรอดูดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวขึ้น 2.6%YoY และ 0.3%MoM

*ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 154.08/09 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 154.58 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0388/0389 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0421 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 33.764 บาท/ดอลลาร์
  • รมว.คลัง เปิดเผยความคืบหน้าการจัดกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ว่า มั่นใจจะดำเนินการเสร็จทันภายในปีนี้ เพื่อนำมาใช้เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาททุกสายของรัฐบาลขนาดของกองทุนฯ จะมีประมาณ 3 แสนล้านบาท เพื่อใช้ลงทุน เงินของกองทุนฯ จะเข้าไปซื้อเฉพาะในส่วนทรัพย์สินที่เอกชนลงทุน อาทิ ตัวรถไฟฟ้า ค่าบริหารจัดการ ค่าเดินรถ และค่าซ่อมบำรุง แต่ไม่รวมค่าราง หรือระบบโครงสร้างพื้นที่มาจากการลงทุนของภาครัฐ
  • รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังการหารือกับนายคุโรดะ จุน ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ณ กรุงเทพฯ (เจโทร กรุงเทพฯ) และนายโท โคโซ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น (เจซีซี) ว่า ได้หารือแนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืนระหว่างกัน
  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (30 ม.ค.) ตามการคาดการณ์ของตลาด และเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ ECB เริ่มวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. 2567
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2567 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.3% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5%
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 207,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 220,000 ราย
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตามาตรการภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 50 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE จะปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนพ.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.8% เช่นกันในเดือนพ.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ม.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top