ฟิทช์ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ SAWAD อายุ 2-5 ปีที่ A-(tha)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) แก่บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น [SAWAD] ที่ A-(tha) และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ F2(tha) โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

พร้อมกันนี้ฟิทช์ยังได้ให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวแก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิมีประกันของ SAWAD ที่กำลังจะออกเสนอขายในสกุลเงินบาทที่ A-(tha) โดยแบ่งออกเสนอขายเป็นชุด หุ้นกู้ดังกล่าวจะมีอายุ 2 ถึง 5 ปี และคาดว่าจะเสนอขายในช่วงเดือน มีนาคม – พฤษภาคม 2568 โดยเงินที่ได้จากการจำหน่ายจะนำไปใช้ชำระหนี้ที่ครบกำหนดและเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตพิจารณาจากโครงสร้างเครดิตของกลุ่ม: SAWAD เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่มีบริษัทย่อยหลักดำเนินธุรกิจสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคในประเทศไทย อันดับเครดิตของ SAWAD พิจารณาจากโครงสร้างเครดิตโดยรวมของกลุ่ม ซึ่งสะท้อนถึงการเชื่อมโยงในระดับสูงด้านเงินทุนและสภาพคล่องภายในกลุ่ม รวมถึงความคาดหวังของฟิทช์ว่าหนี้สินของบริษัทโฮลดิ้งจะอยู่ในระดับปานกลาง นอกจากนี้ โครงสร้างอันดับเครดิตของกลุ่มยังสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดและเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมทั้งการมีระดับหนี้สินและผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในระดับที่น่าพอใจ

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวถูกลดทอนลงไปบ้างจากโครงสร้างความเสี่ยงด้านเครดิตที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูงและการดำรงสภาพคล่องส่วนเกินที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ อันดับเครดิตภายในประเทศของ SAWAD ยังพิจารณาถึงโครงสร้างอันดับเครดิตของบริษัท

เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศ

สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานน่าจะยังคงซบเซา: ฟิทช์คาดการณ์การเติบโตของ GDP ที่ 3.1% ในปี 2568 และ 2.9% ในปี 2569 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากปี 2567 ที่ระดับ 2.6% แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่อื่นๆ และอาจจำกัดโอกาสในการเติบโตของภาคธุรกิจการเงิน ทั้งนี้ หน่วยงานกำกับดูแลยังมีความกังวลในเรื่องระดับหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงที่ 89% ของ GDP ณ สิ้นเดือนกันยายน

2567 ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อคุณภาพสินทรัพย์ได้ หากการเติบโตของเศรษฐกิจนั้นต่ำกว่าที่คาดการณ์และรายได้ของผู้บริโภคมีการปรับตัวลดลง

มีเครือข่ายที่แข็งแกร่งในกลุ่มตลาดเฉพาะ: SAWAD มีส่วนแบ่งทางการตลาดและเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทยสำหรับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยบริษัทมุ่งเน้นการให้สินเชื่อ ที่มีหลักประกันแก่ลูกค้าที่มีฐานรายได้ต่ำ ทั้งนี้ บริษัทเป็นผู้ให้สินเชื่อที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและยังเป็นหนึ่งในผู้ให้สินเชื่อรายใหญ่ที่สุ

ดสำหรับการเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ อย่างไรก็ตาม โครงสร้างธุรกิจของบริษัทยังถูกจำกัดจากการแข่งขันและความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ที่เพิ่มขึ้น
รวมทั้งมีลักษณะการดำเนินธุรกิจที่รายได้อาจมีความผันผวนจาก ฐานลูกค้าและสภาพเศรษฐกิจ

การพิจารณาสินเชื่อจากมูลค่าหลักประกัน: SAWAD มุ่งเน้นการให้สินเชื่อที่มีหลักประกันเพื่อบรรเทาความเสี่ยงอันเนื่องมาจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความเสี่ยงสูง แม้ว่า SAWAD จะมีความเสี่ยงจากความผันผวนของมูลค่าหลักประกัน แต่บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการจัดการความเสี่ยงโดยการปรับระดับการกำหนดมูลค่าหลักประกัน (LTV) เมื่อมีความจำเป็น ตลอดจนมีการติดตามราคาตลาดอย่างสม่ำเสมอและการขายสินทรัพย์ที่ยึดคืนอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ การประเมินโครงสร้างความเสี่ยงของ SAWAD ยังพิจารณาถึงการเติบโตของสินเชื่อในระดับสูงถึง 119% ในช่วงปี 2563 ถึงเดือนกันยายน ปี 2567

คุณภาพของสินทรัพย์ยังน่าจะบริหารจัดการได้: อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของ SAWAD ยังคงอยู่ในช่วง 2.5%-3.5% ตั้งแต่ปี 2563 โดยแม้ว่าจะมีความท้าทายจากโรคระบาดโควิดและการเติบโตของเศรษฐกิจมหภาคที่อ่อนแอ ฟิทช์เชื่อว่าแรงกดดันต่อคุณภาพสินทรัพย์จะยังคงมีต่อไปในอีกสองปีข้างหน้า แต่คาดว่าผลกระทบน่าจะอยู่ในระดับที่จัดการได้เนื่องจากมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นตั้งแต่ปี 2566 อย่างไรก็ตาม SAWAD มีอัตราส่วนการสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ ที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม (ณ สิ้น กันยายน 2567 อยู่ที่ 61%) ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสี่ยงในการตั้งสำรองที่สูงภายใต้สถานการณ์ภาวะวิกฤต

ความสามารถในการทำกำไรที่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ: อัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ยของบริษัทปรับตัวลดลงต่อเนื่องลงมาอยู่ที่ 6.0% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 (ปี 2566: 7.3%) เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำรองด้อยค่าและค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น

พร้อมกับอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เชื่อว่าความเสี่ยงด้านผลประกอบการในอีกสองปีข้างหน้าน่าจะอยู่ในระดับที่จัดการได้ เนื่องจากแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญและอัตราส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่น่าจะผ่อนคลายลงได้ เนื่องมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่น่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น

ระดับหนี้สินที่เพียงพอ: อัตราส่วนหนี้สินของ SAWAD อยู่ในระดับต่ำ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของทุนที่จับต้องได้ (debt/tangible equity) อยู่ที่ 2.1 เท่า ณ สิ้นเดือนกันยายน ปี 2567 (สิ้น ปี 2566=2.5 เท่า) อย่างไรก็ตาม ระดับหนี้สินของบริษัทต้องพิจารณาถึงการที่บริษัทมีฐานลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง และมีอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อหนี้ด้อยคุณภาพในระดับที่ค่อนข้างต่ำด้วย ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีความอ่อนไหวเพิ่มขึ้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

มีการพึ่งพาการจัดหาเงินทุนจากตลาดเงิน: เช่นเดียวกับผู้ประกอบการสินเชื่อผู้บริโภคที่ไม่ใช่ธนาคารรายอื่น ๆ SAWAD มีการพึ่งพาการจัดหาเงินทุนจากการออกหุ้นกู้ในสกุลเงินบาท ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดทุนในประเทศ ตลอดจนมีการใช้เงินกู้จากธนาคาร การดำรงสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทก็อยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก โดยมีอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินกู้ยืมระยะสั้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.3 เท่า ณ สิ้นเดือนกันยายนปี 2567 แต่อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงดังกล่าวถูกลดทอนลงได้บ้างจากความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดตราสารหนี้ และความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันการเงินต่างๆ ตลอดจนแผนบริหารเชิงรุกในการจัดหาเงินกู้ยืมใหม่เพื่อนำไปชำระหนี้เดิม (refinance) ของบริษัท

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน) การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศอาจเกิดขึ้นได้หากผลการดำเนินงานของ SAWAD มีการปรับตัวด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงโครงสร้างธุรกิจของบริษัทที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ ยกตัวอย่างเช่น หากอัตราสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับที่สูงกว่า 5% โดยไม่มีอัตราส่วนการสำรองหนี้สูญในระดับที่เพียงพอ พร้อมกับมีอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ยของบริษัทที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 2% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง นอกจากนี้หากมีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SAWAD มีการปรับตัวด้อยลง หรือ บริษัทมีระดับหนี้สินที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของทุนที่จับต้องได้เพิ่มขึ้นเกิน 4.0 เท่า อาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตของ SAWAD ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ อันดับเครดิตภายในประเทศของ SAWAD อาจถูกปรับลดอันดับเครดิตลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าโครงสร้างอันดับเครดิตของกลุ่มได้ หากอัตราส่วน Double Leverage Ratio ของบริษัทโฮลดิ้งมีการปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 120% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง และเมื่อฟิทช์ประเมินว่าบริษัทอาจจะไม่สามารถพึ่งพาการสนับสนุนสภาพคล่องจากบริษัทลูกภายในกลุ่มได้ ทั้งนี้ การประเมินดังกล่าวจะพิจารณาเปรียบเทียบกับโครงสร้างเครดิตของบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับภายในประเทศจากฟิทช์ด้วยเช่นกัน

อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของบริษัทอาจถูกปรับลดอันดับลง หากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวถูกปรับลดอันดับลงเป็น BBB(tha หรือต่ำกว่า

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน) หากคุณภาพสินทรัพย์และโครงสร้างการจัดหาเงินทุน (funding profile) ของบริษัทมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บริษัทสามารถรักษาระดับโครงสร้างความเสี่ยงให้อยู่ในระดับคงที่ได้ อาจส่งผลให้มีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศของบริษัทได้

ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวอาจสะท้อนได้จากการเติบโตของสินเชื่อในระดับที่ไม่สูงเกินไปนักในขณะที่ยังสามารถรักษาอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพให้ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2.5% และมีระดับอัตราส่วนการสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นสูงกว่า 100% และยังสามารถดำรงสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทได้ตลอดช่วงวัฏจักรของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ฟิทช์มองว่าโอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตนั้นมีค่อนข้างจำกัดในระยะสั้น ทั้งนี้การพิจารณาอันดับเครดิตเปรียบเทียบกับโครงสร้างเครดิตของบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับภายในประเทศจากฟิทช์ด้วยเช่นกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ม.ค. 68)

Tags: , , , , ,
Back to Top