สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (29 ม.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่สูงเกินคาด ขณะที่นักลงทุนจับตาผลกระทบของการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.56% ปิดที่ 72.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 91 เซนต์ หรือ 1.17% ปิดที่ 76.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์พุ่งขึ้น 3.46 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 4.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร หลังจากทำเนียบขาวยืนยันว่าปธน.ทรัมป์ยังคงมีแผนที่จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 ก.พ.นี้
จิโอวานนี สเตาโนโว นักวิเคราะห์จาก UBS คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะยังคงผันผวนในระยะใกล้นี้ เนื่องจากนักลงทุนพยายามประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากร มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย และมีความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศที่มีการใช้น้ำมันมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 3 ก.พ.นี้อย่างใกล้ชิด หลังจากปธน.ทรัมป์ได้เรียกร้องให้โอเปกพลัสปรับลดราคาน้ำมัน โดยแม้ว่าทางกลุ่มโอเปกพลัสยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับข้อเรียกร้องดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่โอเปกพลัสกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนก.พ.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ม.ค. 68)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน