พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีการตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือของประเทศเพื่อนบ้านที่อาจถูกนำไปใช้สำหรับการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีว่า เรื่องการตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ได้มีการประสานสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และได้มีการประสานกับประเทศกัมพูชา เมียนมา และลาว โดยมีจเรตำรวจแห่งชาติเป็นผู้เดินทางไปพูดคุยกับประเทศเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว
ส่วนเรื่องเสาสัญญาณ พบว่า มีเสาสัญญาณที่น่าจะเชื่อว่าเป็นการให้สัญญาณกับทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการต่อไป เพื่อเป็นการตัดเส้นเลือดในเรื่องของการใช้งานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ในส่วนของการลักลอบใช้ไฟของประเทศไทยนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เบื้องต้นเป็นเรื่องของการใช้เครื่องปั่นไฟ แต่การใช้ไฟของราชการไทยนั้นขณะนี้ยังไม่พบข้อมูล อีกทั้งยังต้องดูในเรื่องของต้นทางว่าใคร มาจากไหนข้ามประเทศไทยเป็นทางผ่าน และมีการกำหนดห้วงเวลา 7 ช่วงและมาตรการอย่างชัดเจนให้หน่วยปฏิบัติทั้งหมดดำเนินการ
ทั้งนี้ ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คนถูกหลอกไปทำงาน และถูกบังคับไปใช้งาน ซึ่งจะโยงไปกับเรื่องการค้ามนุษย์ และเมื่อเราตัดต้นทางได้ ปลายทางก็จะไม่เกิด และในวันนี้นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตอนนี้ไทยมีความพยายามที่จะนำผู้ที่มีหมายจับกลับมาดำเนินคดี ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินได้มีการประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อทำการระงับยับยั้งการเงินที่ผิดปกติ ซึ่งธปท. ได้ให้ความร่วมมือดีมาก และอยู่ระหว่างให้แต่ละองค์กร หน่วยงาน ขับเคลื่อนเดินหน้าในหน้าที่ของตนเอง
ในส่วนของเรื่องการคัดกรองสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ร่วมพิจารณาใช้ตม. 6 ออนไลน์ คือการกรองข้อมูลของผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศ แต่อาจมีการแออัดที่ช่องผ่านตรวจคนเข้าเมือง จึงได้ทำเรื่องแบบออนไลน์ ซึ่งมีลักษณะเหมือนการที่เดินทางเข้าไปประเทศอื่น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาน่าจะเกิดเร็วที่สุด และมีการจัดทำข้อมูล โดยมอบให้กับกองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นผู้รับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในขณะนี้ ประเทศไทยเน้นในเรื่องการท่องเที่ยว และมีการฟรีวีซ่า แต่การตรวจคนเข้าเมืองจะวิเคราะห์ข้อมูลที่อยู่ในคลังข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่ามีใครเข้ามาผิดปกติ และอยู่นานเกินไปหรือไม่ พร้อมตรวจสอบความถี่ในการเดินทางเพื่อใช้ในการคัดแยกและติดตาม
“ได้ทำการประสานกับสถานทูต ของประเทศนั้น ๆ ให้ประชาสัมพันธ์ ว่าการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยหากได้รับการชักชวนต้องระงับยับยั้งให้รู้ด้วย เพื่อไม่ให้บุคคลเหล่านี้เข้ามาแบบผิดกฎหมายและทำเรื่องผิดกฎหมาย หรือถูกหลอกลวงเข้ามา และหากสกัดได้ก็จะไม่มีคำว่าประเทศไทยเป็นทางผ่านอีกต่อไป ตอนนี้ตำรวจกำลังพยายามทำเรื่องดังกล่าวอยู่” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 68)
Tags: กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์, ประเทศเพื่อนบ้าน, ผบ.ตร., แก๊งคอลเซ็นเตอร์