“ทรัมป์” สั่งตัดงบรัฐด้านช่วยเหลือการแปลงเพศเด็กและเยาวชน

เมื่อวันอังคาร (28 ม.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งยุติการสนับสนุนด้านการเงินและความช่วยเหลือทุกรูปแบบจากรัฐบาลกลาง สำหรับการรักษาพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับการแปลงเพศเด็กและเยาวชน ซึ่งนับเป็นหนึ่งในมาตรการจำกัดสิทธิคนข้ามเพศหลายประการที่เกิดขึ้นในช่วง 8 วันแรกของการดำรงตำแหน่ง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำสั่งของฝ่ายบริหารฉบับนี้ออกมาต่อเนื่องจากคำสั่งก่อนหน้าที่ห้ามคนข้ามเพศเข้ารับราชการทหาร รวมถึงคำสั่งอื่น ๆ ที่มุ่งเอาใจฐานเสียงฝ่ายอนุรักษนิยมของทรัมป์ ด้วยการตัดทอนโครงการที่ส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก (DEI)

คำสั่งดังกล่าวเป็นการทำตามสัญญาหาเสียงที่จะยุติสิ่งที่ทรัมป์เรียกว่า “การทำลายอวัยวะเพศเด็ก” ซึ่งหมายถึงการรักษาทางการแพทย์สำหรับคนข้ามเพศ เช่น ยายับยั้งการเจริญพันธุ์ (Puberty blocker) และการรักษาด้วยฮอร์โมน ที่ช่วยให้คนสามารถแปลงจากเพศหนึ่งไปเป็นอีกเพศหนึ่ง

“เป็นนโยบายของสหรัฐอเมริกาที่จะไม่สนับสนุนเงินทุน ส่งเสริม หรือให้ความช่วยเหลือใด ๆ กับสิ่งที่เรียกว่า ‘การแปลงเพศ’ ในเด็กจากเพศหนึ่งไปสู่อีกเพศหนึ่ง และจะเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายทั้งหมดที่ห้ามหรือจำกัดกระบวนการที่บ่อนทำลายและเปลี่ยนแปลงชีวิตเหล่านี้” ปธน.ทรัมป์ระบุในคำสั่งบริหาร

กลุ่มที่สนับสนุนทรัมป์ อย่างเช่น กลุ่มพันธมิตรปกป้องเสรีภาพ (Alliance Defending Freedom) ซึ่งเป็นสำนักกฎหมายคริสเตียน ได้ชื่นชมคำสั่งนี้ว่าเป็น “การกลับสู่ความมีจิตปรกติที่น่ายินดี” ขณะที่ฝ่ายต่อต้าน อย่างมาร์ซี โบเวอร์ส สูตินรีแพทย์และศัลยแพทย์ผู้ให้การรักษาคนข้ามเพศ ได้ประกาศว่าทรัมป์จะต้อง “มือเปื้อนเลือด”

แม้กลุ่มอนุรักษนิยมทางศาสนาและพรรครีพับลิกันจะคัดค้านการรักษาดังกล่าว แต่วงการแพทย์ก็ยอมรับและพบว่าในหลายกรณีสามารถช่วยชีวิตเยาวชนข้ามเพศที่กำลังทุกข์ใจและเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย

ทั้งนี้ คำสั่งนี้มุ่งระงับการเบิกจ่ายเงินเมดิแคร์ (Medicare) สำหรับการรักษาเพื่อการแปลงเพศดังกล่าว และยกเลิกมาตรา 1557 ของกฎหมายประกันสุขภาพราคาย่อมเยา หรือที่เรียกกันว่า “โอบามาแคร์” (Obamacare) ที่ห้ามบริษัทประกันปฏิเสธความคุ้มครองแก่ผู้ป่วยข้ามเพศ

ปธน.ทรัมป์มอบหมายให้รัฐมนตรีกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ (HHS) จัดทำรายงานทบทวนงานวิชาการที่มีอยู่เกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการรักษาผู้เยาว์ข้ามเพศ ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน จากนั้นรัฐมนตรี HHS จะใช้ทุกวิถีทางที่มีเพื่อยกระดับคุณภาพข้อมูลด้านการดูแลผู้ป่วยข้ามเพศ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 68)

Tags: , , , ,
Back to Top