ผลสำรวจชี้ชาวอเมริกันไม่พอใจบางนโยบายของทรัมป์

ผลสำรวจล่าสุดของรอยเตอร์/อิปซอสส์ (Reuters/Ipsos) แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันมองแง่ลบต่อคำสั่งบริหารบางฉบับของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงความพยายามยกเลิกสิทธิความเป็นพลเมืองโดยกำเนิด และการตัดสินใจเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อการดำเนินการอย่างรวดเร็วของปธน.ทรัมป์ในการกวาดล้างผู้อพยพและลดขนาดของรัฐบาล นับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค.

โดยรวมแล้วผลสำรวจ 3 วันถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 ม.ค.) พบว่า 45% ของชาวอเมริกันเห็นชอบกับการทำงานของทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดี ซึ่งลดลงเล็กน้อยจาก 47% ในผลสำรวจเมื่อวันที่ 20-21 ม.ค. ขณะที่ 46% ไม่เห็นชอบ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 39% ในผลสำรวจครั้งก่อนหน้า ขณะที่ผลสำรวจนี้มีค่าความคลาดเคลื่อนประมาณ 4%

“แม้ทรัมป์ได้รับการสนับสนุนในช่วงแรกอยู่บ้าง แต่คะแนนนิยมของเขายังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานในอดีต” ไคล์ คอนดิก นักวิเคราะห์จากศูนย์การเมืองมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียกล่าว

ในสมัยแรกของทรัมป์ คะแนนนิยมของเขาเคยแตะระดับสูงสุดที่ 49% ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ที่ดำรงตำแหน่ง แต่ช่วงปลายสมัย เขามีคะแนนนิยมเหลือเพียง 34% หลังเหตุการณ์บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564

คอนดิกกล่าวว่า อาจยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าทรัมป์กำลังเสียอำนาจทางการเมืองเพราะมุ่งเน้นประเด็นที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แต่ผลสำรวจชี้ว่าการตัดสินใจหลายเรื่องในช่วงแรกของเขาได้รับความนิยมเฉพาะในกลุ่มผู้สนับสนุนที่ภักดีต่อทรัมป์เท่านั้น

ขณะที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยทั่วไป ยังคงกังวลอย่างมากเกี่ยวกับราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ที่อยู่อาศัย และค่าครองชีพที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกหลักปฏิบัติของประเทศที่ให้สัญชาติแก่เด็กที่เกิดในสหรัฐฯ แม้ว่าพ่อแม่จะไม่มีสถานะผู้อพยพที่ถูกกฎหมายก็ตาม โดย 59% ของผู้ตอบแบบสอบถาม รวมถึง 89% ของสมาชิกพรรคเดโมแครต และ 36% ของสมาชิกพรรครีพับลิกัน คัดค้านการยกเลิกสิทธิความเป็นพลเมืองโดยกำเนิด

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางมีคำสั่งระงับชั่วคราวกับการเปลี่ยนแปลงสิทธิความเป็นพลเมืองโดยกำเนิดของรัฐบาลทรัมป์ แต่ทำเนียบขาวยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อสู้ในประเด็นนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top