ศาลเบรกคำสั่งทรัมป์ที่ให้หยุดจ่ายเงินกู้-เงินช่วยเหลือของรัฐบาลกลาง

ผู้พิพากษาสหรัฐฯ มีคำสั่งในวันอังคาร (28 ม.ค.) ให้ชะลอการบังคับใช้คำสั่งบางส่วนของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะให้ระงับการจ่ายเงินกู้และเงินช่วยเหลือต่าง ๆ ของรัฐบาลกลาง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ข่าวดังกล่าวถือเป็นชัยชนะของกลุ่มผู้เรียกร้องที่ออกมาคัดค้านว่า นโยบายนี้ของทรัมป์จะส่งผลกระทบร้ายแรง

ในการพิจารณาคดีที่ศาลรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ลอเรน อาลีข่าน มีคำสั่งห้ามรัฐบาลทรัมป์ระงับการจ่ายเงินที่ได้อนุมัติไว้แล้ว หรือเงินทุนที่มีแผนจะจ่ายออกไป อย่างน้อยจนถึงวันที่ 3 ก.พ.

ผู้พิพากษาชี้แจงว่า คำสั่งศาลชั่วคราวนี้มีขึ้นเพื่อ “รักษาสถานะให้เป็นไปตามเดิม” โดยคำสั่งนี้ไม่ได้ห้ามรัฐบาลทรัมป์ระงับทุนสำหรับโครงการใหม่ ๆ และไม่ได้บังคับให้รัฐบาลต้องกลับมาจ่ายเงินทุนที่ยุติไปแล้ว

ผู้พิพากษาอาลีข่านนัดพิจารณาคดีรอบใหม่ในวันจันทร์ (3 ก.พ.) เวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (23.00 น. ตามเวลาไทย) เพื่อพิจารณาแนวทางดำเนินการต่อไป

สภาองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรแห่งชาติ, สมาคมสาธารณสุขอเมริกัน, กลุ่มพันธมิตรเมนสตรีท และองค์กร SAGE ได้ยื่นฟ้องเมื่อวันอังคาร คัดค้านคำสั่งของรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและงบประมาณ (OMB) ที่ออกมาเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเวลา 17.00 น. ของวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น (05.00 น. ของวันพุธ ตามเวลาไทย)

องค์กรเหล่านี้ชี้แจงว่า OMB ไม่มีอำนาจสั่งยกเลิกโครงการช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาลกลางทั้งหมดแบบเบ็ดเสร็จ ซ้ำยังเล็งเป้าไปที่ผู้รับทุนโดยใช้เรื่องเสรีภาพในการแสดงออกและการรวมตัวตามรัฐธรรมนูญมาเป็นข้ออ้าง

แมทธิว เวธ รักษาการผู้อำนวยการ OMB เปิดเผยว่าจะระงับการใช้เงินไว้ก่อน ระหว่างที่รัฐบาลทรัมป์กำลังตรวจสอบเงินช่วยเหลือและเงินกู้ต่าง ๆ ว่าเป็นไปตามนโยบายของปธน.ทรัมป์หรือไม่ รวมถึงคำสั่งยกเลิกโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก (DEI)

ด้านรัฐบาลทรัมป์ระบุว่า โครงการช่วยเหลือที่จำเป็นสำหรับชาวอเมริกันจะยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ

ขณะเดียวกัน คณะอัยการสูงสุดจาก 22 รัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐที่นำโดยพรรคเดโมแครต รวมทั้งดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย ได้ยื่นฟ้องที่เมืองพรอวิเดนซ์ รัฐโรดไอแลนด์ เพื่อคัดค้านการระงับเงินทุนครั้งนี้

คณะอัยการสูงสุดจากรัฐต่าง ๆ ชี้ว่า การที่รัฐบาลทรัมป์ออกมาแถลงเมื่อวันอังคารว่า การระงับเงินทุนครั้งนี้ไม่ได้มีผลกระทบในวงกว้างนั้น กลับยิ่งทำให้สถานการณ์สับสนมากขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 68)

Tags: ,
Back to Top