นายวิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น [NAM] เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 1,700 ล้านบาท เติบโต 50% จากปีก่อน โดยวางแผนกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจจากการขยายกิจการไปยังกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อต่อยอดการเติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคง พร้อมทั้งเก็บเกี่ยวผลลัพธ์จากการขยายธุรกิจในปีที่ผ่านมาจาก 3 บริษัทย่อยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลักดันผลงานเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ในปีนี้บริษัท วางงบลงทุน 400 – 500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบลงทุนเพื่อลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ขยายกำลังการผลิตกำลังการผลิต และเพื่อลงทุน R&D
นอกจากนี้ นโยบายด้านสาธารณสุขยังเป็นปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกอาทิ 30 บาทรักษาทุกที่ทั่วทั้งประเทศ 77 จังหวัด แผนเพิ่มศักยภาพการให้บริการด้วยเครื่องมือที่ดีขึ้น เช่น เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สู่โรงพยาบาลอำเภอที่มีขนาดเล็ก และแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในกลุ่มของบริษัทฯมากขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ มีแผนศึกษาการลงทุนเพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้าง Medical Logistics และ Distribution Hub ในต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ NAM มุ่งสู่เป้าหมายการเป็น Global Brand and Global Manufacturing ภายใน 5 ปีข้างหน้า
ล่าสุดบริษัทเข้าลงทุนในบริษัท อินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์ จำกัด ขยายพอร์ตธุรกิจเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับห้องผ่าตัด หนุนสัดส่วนรายได้กลุ่มใหม่ที่ประกอบด้วยงานบำบัดขยะติดเชื้อทางการแพทย์ และกลุ่มเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับห้องผ่าตัด เพิ่มขึ้นเป็น 50% ในปี 68 จากเดิมมีสัดส่วน 40% นอกจากนี้ยังมีแผนนำบริษัท อินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 2 ปีข้างหน้า
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2568 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในบริษัท อินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นสูง เพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 60%โดยมีมูลค่าลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท และขณะนี้บริษัทฯ ดำเนินการด้านธุรกรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะสามารถเริ่มทยอยรับรู้รายได้และกำไรตั้งแต่ไตรมาสนี้เป็นต้นไป และเชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายในระยะเวลา 4-5 ปี
“การลงทุนครั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายธุรกิจผ่านการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตในกลุ่มเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับห้องผ่าตัดของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัท อินโนเวทีฟ อิมเมจิ้ง ซิสเต็มส์ จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ากลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ขั้นสูงที่มีส่วนสำคัญสำหรับใช้งานในห้องผ่าตัด รวมทั้งเป็นการต่อยอดธุรกิจต้นน้ำของบริษัทฯ เนื่องจากทุกการตรวจหรือรักษาในงานห้องผ่าตัดจำเป็นที่จะต้องใช้ระบบการทำความสะอาดและล้างอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อทำให้ปราศจากเชื้ออีกด้วย”
สำหรับบริษัท อินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 โดยปัจจุบันดำเนินธุรกิจในด้านการจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูงทั้ง การตรวจวินิฉัยโรค และให้การรักษาพยาบาล ทั้งกลุ่มโรคพื้นฐานทั่วไป โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคมะเร็ง เป็นต้น โดยมีสินค้าต่างๆ อาทิเช่น
1. เครื่องสวนหัวใจแบบระนาบเดี่ยวและแบบสองระนาบ
2.เครื่องเอกซเรย์ฟลูโอโรสโคปเคลื่อนที่แบบซีอาร์ม (C-ARM) สำหรับการ ถ่ายภาพรังสีในห้องผ่าตัด
3.ห้องผ่าตัดชนิดไฮบริด(Hybrid OR) สำหรับรักษาผู้ป่วยกลุ่มโรคหลอดเลือดต่างๆและโรคหัวใจที่อาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัด โดยใช้เทคโนโลยีการสร้างภาพทางรังสีขั้นสูงแบบ 3 มิติ
4.เครื่องตรวจอวัยวะภายในด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) ทั้งระดับพื้นฐานและระดับสูง
5.เครื่องตรวจหาโรคมะเร็งด้วยเครื่องมือทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (PET/CT)
6.เครื่องผลิตสารเภสัชรังสีสำหรับใช้งานในการตรวจวินิจฉัยมะเร็งร่วมกับเครื่อง PET/CT(Cyclotron) 7. เครื่อง CT Scan และเครื่อง MRI รวมทั้งรถให้บริการรักษาและตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ต่างๆอาทิเช่น รถเอกซเรย์เคลื่อนที่แบบภาพดิจิตอล รถตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านม(แมมโมแกรม) และรถให้การรักษาและ วินิจฉัยเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองแบบเคลื่อนที่ (Mobile Stroke Unit) เป็นต้น
โดยกลุ่มลูกค้าของอินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์ ครอบคลุมทั้ง โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลสังกัดโรงเรียนแพทย์ และโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งจากการมุ่งเน้นการให้บริการสินค้าที่มีคุณภาพสูง พร้อมบริการหลังการขายจากทีมงานที่มีประสบการณ์และความชำนาญพิเศษ ส่งผลทำให้ ในปี 2567 มียอดขายประมาณ 830 ล้านบาท (ยอดรับรู้รายได้ประมาณ 1,100 ล้านบาท) และในปี 2568 ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาท
ทั้งนี้สินค้าของอินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์ C-ARM มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในไทยและเอเชียแปซิฟิกและก้าวเข้าสู่อันดับ 1 ของโลกปีที่แล้ว ขณะที่ Hybrid OR มีส่วนแบ่งการตลาด 70% ในไทย และ 65% ของโลก เป็นอันดับ 1 เช่นกัน กลุ่มนี้จะทำให้การเติบโตของยอดขายกลุ่มเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับห้องผ่าตัด จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ จากการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับ อุปกรณ์ทางการแพทย์ใหม่ๆ ข้างต้น โดยการพัฒนาความเข้าใจในเทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทสามารถนำความรู้ไปปรับปรุงกระบวนการผลิตอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และตอบสนองความ ต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบวงจรมากขึ้น ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าและธุรกิจของ NAM ในอนาคต และส่งเสริมให้การเติบโตของบริษัทเป็นไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ม.ค. 68)
Tags: NAM, นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น, วิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ, หุ้นไทย