น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น [WHA] กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมของ WHA ภายใน 5 ปี (68-72) แตะ 1.5 แสนล้านบาท โดยวางงบลงทุนรวม 5 ปีไว้ที่ 1.19 แสนล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมเการขยายและสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว
สำหรับปี 68 ถือเป็นปีแห่งการลงทุนขยายธุรกิจที่สำคัญของ WHA Group จากปัจจัยหนุนด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical) ที่อาจจะยิ่งทวีความเข้มข้น หลังจากการกลับมาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐที่อาจจะช่วยสร้างโอกาสการลงทุนให้เกิดขึ้นในภูมิภาคอาเซียน
โดยเฉพาะประเทศไทยด้วยพื้นที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ การเป็นศูนย์รวม Supply Chain ที่ครบวงจรความพร้อมของระบบสาธารณูปโภค ความมั่นคงทางด้านพลังงาน รวมถึงพลังงานหมุนเวียน แรงงานที่มีคุณภาพ นโยบายการส่งเสริมจากภาครัฐ ที่เอื้อประโยชน์ต่อนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมดาต้าเซนเตอร์ สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ คลาวด์เซอร์วิส ซึ่ง WHA Group มีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีความพร้อมในการรองรับการลงทุน อีกทั้ง บริษัทฯ ยังต่อยอดสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และประโยชน์ต่อลูกค้า คู่ค้า นักลงทุน และมีผู้ส่วนได้เสียทุกฝ่าย
บริษัทตั้งเป้าผลการดำเนินงานปี 68 สามารถทำกำไรสูงต่อเนื่องในปี 67 พร้อมตั้งเป้ารายได้และส่วนแบ่งกำไรในปี 68 กว่า 2 หมื่นล้านบาท และคงอัตรากำไร EBITDA Margin มากกว่า 45% โดยทิศทางธุรกิจในปี 68 WHA Group ยังคงดำเนินงานตาม 4 กลยุทธ์สำคัญ ประกอบด้วย
Extend Leadership เร่งขยายธุรกิจต่อเนื่องทั้งในประเทศและตลาดภูมิภาค
Embrace Innovation and Technology นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็น New S-Curve ให้กับองค์กร
Enhance the Prominence on Green and Sustainability มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 93 และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม
Build High Performance Organization ด้วยการพัฒนา ยกระดับองค์กรในทุกด้านให้เป็นองค์กรสมรรถนะสูง
โดยธุรกิจโลจิสติกส์ไนปี 68 โดยในปี 2568 มีแผนขยายโครงการสำคัญในทำเลศักยภาพ ได้แก่ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โครงการ 2 WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 เฟส 3และ WHA Mega Logistics Center บางนาตราด กม. 23 Inbound รวมพื้นที่กว่า 380,000 ตารางเมตร สำหรับประเทศเวียดนาม เน้นรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น อีคอมเมิร์ซ สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก โดยโครงการคลังสินค้าโลจิสติกส์แห่งแรกในเวียดนามขนาด 37,000 ตารางเมตร ก่อสร้างแล้วเสร็จ และพร้อมเปิดให้บริการต้นปีนี้ อีกทั้งในเดือนม.ค.นี้ บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์ในพื้นที่ 300 ไร่ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้กับตัวเมืองหลักของจังหวัดและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
สำหรับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ จีซี โลจิสติกส์ จำกัด (WGCL) มุ่งเป้าสู่การยกระดับจาก 3PL เป็น 4PL (Fourth-Party Logistics Provider) โดยอาศัยจุดแข็ง และความเชี่ยวชาญร่วมของ WHA และ GC เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจโลจิสติกส์ โดยการเปลี่ยนผ่านสู่ 4PL เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยขยายขอบเขตการให้บริการจากการจัดการขนส่งและคลังสินค้า (3PL) ไปสู่การวางแผน ออกแบบ และบูรณาการระบบโลจิสติกส์อย่างครบวงจร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับบริษัทและลูกค้า
ส่วน Office Solutions บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายโครงการอาคารสำนักงานบนทำเลที่ดีเยี่ยมของกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 6 โครงการ บนพื้นที่รวมมากกว่า 120,000 ตารางเมตร โครงการล่าสุดที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้วในปี 67 ได้แก่ โครงการ Qube ไลฟ์สไตล์ รีเทลสเปซ บนพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร อยู่ติดสถานี BTS สุรศักดิ์ สำหรับ ปี 68 มีโครงการใหม่ที่พร้อมให้บริการ ได้แก่ โครงการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางใน ย่านสาทร พื้นที่กว่า 6,900 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จในไตรมาส 3/68
นอกจากนี้เป้าหมายปี 68 คือ การเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเป็นประมาณ 3,309,000 ตารางเมตร มีโครงการให้เช่าพื้นที่ใหม่ประมาณ 200,000ตารางเมตร และมีแผนการขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART รวมทั้งสิ้นประมาณ 70,000 ตารางเมตร คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านบาท
ส่วนธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในปี 68 บริษัทมุ่งรักษาความเป็นผู้นำในประเทศไทยและขยายธุรกิจในประเทศเวียดนาม รวมทั้งมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ๆ และตั้งเป้ายอดขายที่ดินรวม 2,350 ไร่ ทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม เน้นการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ (Smart Industrial Estates) อย่างต่อเนื่อง และพร้อมเป็นพันธมิตรที่ให้บริการโซลูชันแบบครบวงจร เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น
ธุรกิจสาธารณูปโภคในปี 68 ภายใต้การดำเนินงานของ WHAUP มุ่งเน้นการขยายตัวตามการเติบโตของนิคมอุตสาหกรรม โดยการสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำในการหาแหล่งน้ำดิบอย่างต่อเนื่อง ขยายการผลิตน้ำที่มีมูลค่าเพิ่ม (Value-Added Water) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พร้อมหาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจในพื้นที่นอกนิคมอุตสาหกรรม WHA รวมไปถึงการเข้าร่วมโครงการสาธารณูปโภคน้ำประปาและน้ำเสียในพื้นที่ใหม่ๆ
โดยมีเป้าหมายที่จะทำสัญญาซื้อ-ขายน้ำกับการประปาส่วนภูมิภาค ปริมาณสูงสุด 4.3 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี และยังคงเดินหน้าพัฒนา Smart Water Solutions เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ ลดต้นทุน และลดน้ำสูญเสีย สำหรับเวียดนาม บริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจน้ำอุตสาหกรรมและบำบัดน้ำเสียเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม และใช้ความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ในการพัฒนาประสิทธิภาพโครงการสาธารณูปโภคด้านน้ำที่ได้เข้าไปลงทุน และได้ตั้งเป้ายอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำรวม 173 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็น ภายในประเทศประมาณ 132 ล้านลูกบาศก์เมตร และในเวียดนามประมาณ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร บริษัทยังคงมุ่งเน้นธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม โดยตั้งเป้าที่ประมาณ 10ล้านลูกบาศก์เมตร
ส่วนธุรกิจไฟฟ้าในปี 68 จะเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งในไทยและนอกประเทศ โดยในไทยมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการโซลาร์รูฟท็อป โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in-Tariff และโครงการ Direct PPA เป็นต้น สำหรับประเทศเวียดนาม บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินการศึกษาและพัฒนาโครงการไมโครกริด ที่นิคมเขตอุตสาหกรรม WHA Smart Technology Zone 1ในจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa)เฟส 1 ซึ่งคาดว่าจะพร้อมให้บริการเชิงพาณิชย์ในปี 69 และมุ่งเน้นต่อยอดการขยายธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปอีกด้วย
บริษัทยังดำเนินการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันพลังงานอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ แพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานไฟฟ้า (Peer-to-Peer Energy Trading) และการซื้อขายใบรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (I-REC) รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve เช่น เทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS) เป็นต้น พร้อมตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้วเป็น 1,185 เมกะวัตต์ ซึ่งจะมาจากพลังงานหมุนเวียน 657 เมกะวัตต์
ธุรกิจดิจิทัล ภายใต้ WHA Digital ในปี 68 ยังคงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ใน WHA Group ผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น Artificial Intelligence, Internet-of-Thing โดยในปัจจุบันมีโครงการ AI Transformation ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 12 โครงการ ได้แก่ Drone Inspection Solution และ IoX Platform for Solar อีกทั้ง WHA Digital พร้อมหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากการพัฒนาแพลตฟอร์ม ได้แก่ โมบิลิกส์ แพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ โดยได้ตั้งเป้าหมายสำหรับยอดการใช้งานโมบิลิกส์ แพลตฟอร์มที่ประมาณ 900 คัน ภายในปี 68 และเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ6,000 คัน ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า และยังตั้งเป้าหมายในการพัฒนา 5 แอปพลิเคชันใหม่พร้อมให้บริการภายใน WHA Group ภายในปี 68
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ม.ค. 68)
Tags: WHA, จรีพร จารุกรสกุล, ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น