หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งซึมตัวลง รับ Sentiment ลบตปท.กดดัน จับตาผลประชุมเฟด-ECB

นักวิเคราะห์ ฯ ระบุแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งซึมตัว Sentiment ต่างประเทศยังไม่ค่อยดี เนื่องจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาจเป็นลบกับ DELTA ได้ต่อ รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อยังเบาบางเนื่องจากตลาดหุ้นภูมิภาคหยุดทำการเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้นักลงทุนรอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยให้กรอบแนวรับ 1,320 จุด แนวรับถัดไป 1,330 จุด และแนวต้าน 1,355 จุด และแนวต้าน 1,355 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีมีโอกาสแกว่งซึมลง เนื่องจาก Sentiment ตลาดหุ้นต่างประเทศยังไม่ค่อยดี โดยยังมีแรงขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาจเป็นลบกับ DELTA ได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้ราคาน้ำมันเมื่อวานนี้ปรับตัวลงประมาณ 2% กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน และส่งผลให้ทั้ง 2 กลุ่มกดดันตลาดหุ้นไทยได้ในวันนี้

ขณะที่มูลค่าการซื้อขายอาจยังคงเงียบเหงา เนื่องจากตลาดหุ้นภูมิภาคหลายตลาดหยุดทำการในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยนักลงทุนรอติดตามการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/67 อาทิ SCC PTTEP

โดยให้กรอบแนวรับ 1,320 จุด แนวรับถัดไป 1,330 จุด และแนวต้าน 1,355 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (27 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,713.58 จุด เพิ่มขึ้น 289.33 จุด หรือ +0.65%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,012.28 จุด ลดลง 88.96 จุด หรือ -1.46% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,341.83 จุด ลดลง 612.47 จุด หรือ -3.07%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 39,400.02 จุด ลดลง 165.78 จุด หรือ -0.42% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 20,337.46 จุด เพิ่มขึ้น 139.69 จุด หรือ +0.69% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดทรงตัว
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ม.ค.) ที่ 1,340.94 จุด ลดลง 13.13 จุด (-0.97%) มูลค่าซื้อขาย 30,721.68 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,028.62 ล้านบาท (27 ม.ค.)
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. (27 ม.ค.) ลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 2.0% ปิดที่ 73.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ม.ค.) อยู่ที่ 0.86 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.84/85 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่ารับแรงซื้อดอลลาร์ ให้กรอบวันนี้ 33.70-34.00 บาท/ดอลลาร์
  • ‘พิชัย’ มั่นใจจีดีพีปีนี้ โตเกิน 3% คาดเงินลงทุนต่างชาติพุ่ง หลังนายกฯ ออกไปโรดโชว์ หลังโครงการขนาดใหญ่ตบเท้าเข้าลงทุนต่อเนื่องช่วงครึ่งหลังของปี 67 นี้ มั่นใจมีโครงการรอคิวขอการส่งเสริมการลงทุนต่อเนื่องหนุนเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวจากปีก่อน ยืนยันส่งรายชื่อชิงประธา
  • “ยูโอบี” ชี้การกลับมาของ “ทรัมป์” หนุนเศรษฐกิจสหรัฐแกร่ง แต่เพิ่มความไม่แน่นอนทั่วโลก แนะธีมการลงทุนสำคัญปี 68 หุ้นสหรัฐมองหุ้นอื่นๆ ที่ไม่ใช่หุ้นขนาดใหญ่-นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยี-ทองคำ
  • อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในปี 67 มีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 954 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 228,106 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 66 ถึง 287 ราย หรือ 43% และมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 100,574 ล้านบาท หรือ 79% จ้างงานคนไทย 5,040 คน
  • จีนปลุก “ดีปซีค” เขย่าวงการเอไอ ทั่วโลก พัฒนาโมเดลด้วยต้นทุนต่ำ ท้าทายความยิ่งใหญ่ของเอไอ ค่ายสหรัฐ ฉุดตลาดหุ้นเทคฯ สหรัฐร่วง เปิดโอกาสผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแข่ง ในตลาดเอไอที่เคยถูกผูกขาด เปิดประวัติ “เหลียง เหวินเฟิง” ผู้ก่อตั้ง ‘ดีปซีค’ หนึ่งในผู้คลั่งไคล้ เอไอ ผู้ก่อตั้ง High-Flyer กองทุนใช้เอไอเทรดหุ้น-วิเคราะห์สินทรัพย์ทางการเงิน

หุ้นเด่นวันนี้

  • NSL (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 43 บาท ราคาหุ้นย่อตัวเป็นจังหวะเข้าลงทุน เรายืนยันคาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q67 ที่ 146 ล้านบาท +8% q-q, +43% y-y ทำจุดสูงสุดใหม่ จากรายได้ที่คาดทำ New High เพราะเป็น high season และโตดีทั้งกลุ่มเบเกอรี่ และ NSL brands (BAW และเริ่มรับรู้รายได้ส่งออกน้ำมะพร้าวแล้ว) ส่วนต้นทุนยังทรงตัว และคุ้มค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรปี 67 คาด +62% y-y และโตต่อเนื่องในปี 68 อีก +10% y-y รวมถึงยังมี upside จากการรวมธุรกิจน้ำมะพร้าว ดีลจะแล้วเสร็จปี 68, Valuation ยังค่อนข้างถูกโดยเทรด PER เพียง 14 เท่า และให้ Dividend Yield ราว 4% ต่อปี
  • TTB (กสิกรไทย) แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 1.98 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TTB จากการตั้งเป้าปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ และต้นทุนให้ดีขึ้นในปี 69 พร้อมเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่ 0-2% และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยไม่เกิน 10% โดยตั้งเป้าอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไม่เกิน 2.9% และคาดว่า NPL Formation จะลดลงพร้อมต้นทุนทางเครดิตที่อาจต่ำกว่าปี 67 นอกจากนี้ TTB ยังมีแนวโน้มการบริหารจัดการเงินทุนที่ดีขึ้น ทั้งโอกาสในการซื้อหุ้นคืนและการจ่ายปันผล 60-70% ของกำไร ส่งผลให้คาดการณ์อัตราเงินปันผลที่ 7% ในปี 68
  • ERW (คิงส์ฟอร์ด) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 5.15 บาท การดำเนินงานปกติในช่วง 4Q67 ยังมีปัจจัยบวกตามฤดูกาล(จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 4Q67 +17%YoY +10%QoQ) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ รวมถึงการ renovate โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยาที่เสร็จสิ้น ซึ่งทาง ERW คาด 4Q67 จะมี Occ. Rate ที่ 80% และ ARR ที่ +8-10%QoQ, +5-7%YoY นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มโรงแรมยังมี sentiment บวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วง 13-19 ม.ค.67 ที่ผ่านมา +1%WoW, + 15%YoY หนุนด้วยนักท่องเที่ยวจีน ปัจจุบันตลาดคาด Adj. EPS ปี67 และ 68 ของ ERW ที่ 0.18 บาท/หุ้น (+13%YoY) และ 0.19 บาท/หุ้น (+4%YoY)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ม.ค. 68)

Tags: , , ,
Back to Top