นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย [KTC] กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจในเดือนม.ค. 68 เริ่มเห็นการเติบโตกลับมาเป็นปกติตั้งแต่ในช่วงกลางเดือน แม้เศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้น แต่ยังได้แรงหนุนจากโครงการ Easy E-reciept ซึ่งจะสิ้นสุดโครงการในเดือน ก.พ. ประกอบกับเทศกาลตรุษจีน ทำให้ลูกค้าที่มีกำลังซื้อน่าจะทยอยใช้จ่ายในช่วงสิ้นเดือนม.ค.นี้
ทั้งนี้มองว่ายอดใช้จ่ายเดือนม.ค. จะเติบโตราว 9-10% ซึ่งเป็นมาตรฐานการเติบโตของ KTC ในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่การใช้จ่ายในไตรมาส 1/68 ยังเติบโตได้ดี จากการทำโปรโมชั่นที่ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า พร้อมกับการบริหารพอร์ตฟอลิโอให้แข็งแกร่ง เชื่อว่าปีนี้ยอดใช้จ่ายจะเติบโต 10% แตะระดับ 300,000 ล้านบาทได้ตามเป้า
นางพิทยา กล่าวว่า เคทีซีได้แต่งตั้งนางวิไลวรรณ นพรัตน์ ดำรงตำแหน่ง ผู้บริหารสูงสุด สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 โดยมีบทบาทในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนกระบวนการงานต่างๆ ในองค์กรให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ นางวิไลวรรณเป็นผู้บริหารหญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในสายงานไอทีของเคทีซี โดยก่อนหน้านี้คร่ำหวอดอยู่ในวงการโทรคมนาคมมามากกว่า 20 ปี
เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล การทำธุรกิจจึงต้องปรับตัวให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสมาชิกเสมอ และยิ่งเป็นสถาบันการเงินด้วยแล้ว ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพและปลอดภัย เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้สมาชิกเกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจ ซึ่งเคทีซีได้มีการพัฒนาระบบไอทีมาอย่างต่อเนื่อง
ในวันนี้เคทีซียังมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในแวดวงไอทีมาเสริมทีมพร้อมกับนำเทคโนโลยีมาพัฒนาขีดความสามารถในเชิงลึก เพื่อวางรากฐานโครงสร้างการทำงานไอทีกับ บุคลากร เสริมกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพเหนือระดับ ตามแผนกลยุทธ์ที่กำหนดในปี 2568 “Building a Sustainable Future Through Digital Transformation”
นางวิไลวรรณ เผยว่า เคทีชีวางโรดแมปด้านไอที่สำหรับปี 2568-2569 ในการยกระดับศักยภาพ บุคลากรและระบบสารสนเทศให้ก้าวล้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องของระบบ Core Payment Platorm ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจเราทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านไอทีชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญสูง เพื่อนำนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับเวิลด์คลาสล่าสุดมาใช้แบบ Total Solutions ในการเสริมสร้างความสามารถด้านการ จัดการข้อมูล อีกทั้งช่วยให้การประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีความปลอดภัยสูงรองรับการทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่สมาชิกและพันธมิตรทางธุรกิจที่เพิ่มมาก ขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนให้กับการเติบโตของเคทีซีในอนาคต
องค์ประกอบที่จะช่วยผลักดันเคทีซีให้ก้าวสู่องค์กรดิจิทัลอย่างยั่งยืน นอกเหนือจากการลงทุนในเรื่องของเทคโนโลยีแล้ว ยังมีอีก 3 เรื่องสำคัญที่จะต้องทำควบคู่กันไป คือ 1) สร้างบุคลากรให้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ 2) รวมทีมงานที่เชี่ยวชาญสร้างนวัตกรรมตอบโจทย์สมาชิก และ 3) ยกระดับประสบการณ์สมาชิกด้วย AI
– Citizen Developers; สร้างบุคลากรให้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
การทำ Digital Transformation ให้ประสบความสำเร็จ ปัจจัยที่สำคัญคือ ศักยภาพของคนในองค์กรที่ต้องมีความรู้ความสามารถด้านไอที ไม่เพียงแต่บุคลากรไอทีเท่านั้น แต่ทั้งองค์กรต้องมีแรงขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน เคทีซีจึงให้ความสำคัญในการสร้าง Citizen Developers เพื่อให้บุคลากรทุกคนมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบงาน โดยใช้เครื่องมือ Low-Code มาปรับใช้ เพื่อช่วยให้บุคลากรในองค์กรปรับปรุงกระบวนการทำงานได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสนับสนุนการเรียนรู้และฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บุคลากรมีทักษะที่พร้อมสำหรับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ
– Fusion Team: รวมทีมงานที่เชี่ยวชาญสร้างนวัตกรรมตอบโจทย์สมาชิก
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่เคทีซีนำมาใช้ในการทำ Digital Transformation คือการสร้าง “Fusion Team” ซึ่งเป็นทีมงานที่รวมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสายงานมาทำงานร่วมกัน สร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความ ต้องการ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสมาชิก รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กรให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Al – Powered technology: ยกระดับประสบการณ์สมาชิกด้วย Al-Powered technology
ในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มศักยภาพของธุรกิจในการเปลี่ยนถ่ายระบบสารสนเทศที่ใช้อยู่เดิม เคทีซีได้นำเอา AI-Powered Solutions คือ โซลูชั่นส์ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการทำงานต่างๆ เช่น การ วิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค การทำนายผลลัพธ์ การตัดสินใจอัตโนมัติ และการโต้ตอบกับ ผู้ใช้งาน ซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ใช้กับธุรกิจได้
ทั้งนี้บริษัทตั้งงบลงทุนด้านไอทีไม่เกินพันล้านบาท โดยในช่วง 2 ปี จะเป็นช่วงจัดระเบียบโดย KTC จะย้ายฐานข้อมูลลูกค้าเข้าสู่ ระบบ Core Payment Platorm โดยจะเริ่มย้ายระบบในเดือนก.ย. 68 จากกลุ่มลูกค้าบัตรเครดิตก่อน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการประมวลผล วิเคราะห์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ และยังมีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ ๆ ของ KTC อีกด้วย
“เราคาดว่าการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้กับโครงสร้างการทำงาน (Digital Transformation)ในครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจรองรับการเติบโตของเคทีซีในอนาคต” นางพิทยากล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 68)
Tags: Easy E-reciept, KTC, บัตรกรุงไทย, พิทยา วรปัญญาสกุล, วิไลวรรณ นพรัตน์, เทคโนโลยี, เทศกาลตรุษจีน