“ทรัมป์” ไฟเขียวจนท.ตรวจคนเข้าเมืองบุกจับผู้อพยพในโรงเรียน-โบสถ์ เดินหน้าเนรเทศครั้งใหญ่

คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขยายอำนาจให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง โดยอนุญาตให้พวกเขาสามารถกระทำการจับกุมในสถานที่ที่เคยได้รับการคุ้มครองเช่น สถานศึกษาและโบสถ์ได้

เบนจามิน ฮัฟแมน รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิได้ยกเลิกคำสั่งที่ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ ตลอดจนหน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ จากการปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษา สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โรงพยาบาล และงานกิจกรรมต่าง ๆ เช่น งานแต่งงานและงานศพ

โฆษกของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า “อาชญากรจะไม่สามารถหลบซ่อนในสถานศึกษาและโบสถ์ของอเมริกาเพื่อหลีกหนีการจับกุมได้อีกต่อไป คณะบริหารของทรัมป์จะไม่จำกัดขอบเขตการทำงานของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายผู้กล้าหาญของเรา แต่จะวางใจให้พวกเขาใช้สามัญสำนึกแทน”

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปราบปรามผู้อพยพในวงกว้างของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งตัดสิทธิ์การคุ้มครองที่ช่วยให้ผู้อพยพสามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็นโดยไม่ต้องกลัวการจับกุม โดยทอม โฮแมน ผู้บัญชาการชายแดนของทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว (CNN) เมื่อวันอังคารว่า การบุกจับกุมผู้อพยพแบบเจาะจงกำลังเกิดขึ้นทั่วสหรัฐฯ แล้ว โดยไม่ได้เปิดเผยว่าเกิดขึ้นที่ใดบ้าง

ทรัมป์ให้คำมั่นว่า จะดำเนินการเนรเทศผู้อพยพครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้คนที่อยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมายประมาณ 11 ล้านคน

นอกจากนี้ รัฐบาลยังดำเนินการยุบหน่วยงาน “Family Reunification Task Force” ในยุคของอดีตปธน.ไบเดน ซึ่งทำหน้าที่นำเด็กที่ถูกแยกจากพ่อแม่ภายใต้นโยบายแยกครอบครัวในวาระแรกของทรัมป์มาพบกันอีกครั้ง โดยเด็กอพยพราว 4,600 คนได้ถูกแยกจากพ่อแม่ในช่วงรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ม.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top