ก.ล.ต. ปรับเกณฑ์บริการ private fund เพิ่มแนวปฏิบัติออกแบบลงทุน-หลักธรรมาภิบาล มีผล 1 เม.ย.68

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้บริการด้านการจัดการกองทุนส่วนบุคคล (private fund) เพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าถึงบริการจัดการลงทุนได้ในวงกว้างโดยมีข้อมูลเพียงพอให้เลือกลงทุน และได้รับความคุ้มครองที่เพียงพอ โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568

ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. มีแนวคิดในการปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการด้านการจัดการกองทุนส่วนบุคคล ให้สอดคล้องกับหลักการสากลและเหมาะสมกับรูปแบบการให้บริการในปัจจุบันที่บริษัทจัดการหลายแห่งได้ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลในรูปแบบพอร์ตมาตรฐาน (standard portfolio private fund) ซึ่งเป็นรูปแบบที่บริษัทจัดการกำหนดนโยบายการลงทุนและรายละเอียดส่วนที่เป็นสาระสำคัญเพื่อให้บริการแก่ผู้ลงทุนเป็นการทั่วไปไว้ล่วงหน้า และสอดคล้องกับเป้าหมายของ ก.ล.ต. ในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนผ่านกองทุนส่วนบุคคล โดยได้เปิดรับฟังความคิดเห็นช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคมที่ผ่านมาและผู้ร่วมแสดงความเห็นส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้วนั้น

ก.ล.ต. จึงปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้บริการด้านการจัดการกองทุนส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับรูปแบบกองทุนส่วนบุคคลในปัจจุบัน เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมกองทุนส่วนบุคคลในระยะยาว และให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลเพียงพอก่อนตัดสินใจลงทุน ซึ่งมีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้

(1) กำหนดแนวปฏิบัติเพิ่มเติมในการออกแบบนโยบายการลงทุนและการเสนอบริการกองทุนส่วนบุคคลโดยคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญตามหลักธรรมาภิบาลเกี่ยวกับการให้บริการกองทุนส่วนบุคคล (private fund governance)

(2) ให้บริษัทจัดการที่ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลรูปแบบพอร์ตมาตรฐาน เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนและเงื่อนไขการให้บริการในแต่ละนโยบายการลงทุน โดยจัดทำข้อมูลตามรายการที่กำหนด เช่น นโยบายการลงทุน กลยุทธ์การลงทุนตามนโยบายการลงทุน สัดส่วนการลงทุน ข้อมูลเชิงสถิติของนโยบายการลงทุน เป็นต้น โดยเปิดเผยเป็นการทั่วไป และทบทวน ปรับปรุงข้อมูลดังกล่าวให้เป็นปัจจุบันประจำทุกเดือน

(3) ปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการวัดผลการดำเนินงานและการรายงานสถานะการลงทุนของกองทุนส่วนบุคคล

(4) ให้บริษัทจัดการส่งมอบคู่ฉบับสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคลให้แก่ลูกค้า

ทั้งนี้ ประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว ได้เผยแพร่ลงในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ม.ค. 68)

Tags: ,
Back to Top