สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (17 ม.ค.) ว่า จีนผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ถ่านหิน ก๊าซ และอะลูมิเนียม สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2567 ส่วนการผลิตเหล็กลดลง แต่ยังสูงกว่า 1 พันล้านตันเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน
ตัวเลขจากสำนักงานสถิติสะท้อนให้เห็นว่า จีนให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านพลังงาน รวมถึงความต้องการลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิล อีกทั้งยังแสดงให้เห็นด้วยว่า ระบบเศรษฐกิจแบบเดิมกำลังถูกบังคับให้หดตัวลง เนื่องจากจีนพยายามส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อแทนที่อุตสาหกรรมที่เคยเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลักอย่างอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนของภาครัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แม้จีนผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ยังคงใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลักอยู่ โดยการผลิตถ่านหินในปี 2567 เพิ่มขึ้น 1.3% เป็น 4.76 พันล้านตัน และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ ส่วนการผลิตก๊าซธรรมชาติที่เผาไหม้สะอาดขึ้นนั้น ทะยาน 6.2% เป็น 2.46 แสนล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะที่ผลผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.8% เป็น 213 ล้านตัน ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการแปรรูปน้ำมันเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง และมุ่งไปในทิศทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการเชื้อเพลิง เช่น น้ำมันเบนซินและดีเซล ลดลง โดยบรรดาโรงกลั่นมีผลผลิตน้ำมันลดลง 1.6% เหลือ 708 ล้านตัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ม.ค. 68)
Tags: ก๊าซ, จีน, ถ่านหิน, อะลูมิเนียม