นายกฯ มอบนโยบายจัดทำงบปี 69 กำชับต้องใช้อย่างคุ้มค่า เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 โดยระบุว่า วันนี้ประเทศเผชิญเรื่องท้าทายมากมาย ประชาชนเดือดร้อนในทุกมิติ ซึ่งรัฐบาลพยายามวางแผนแก้ไขปัญหาเหล่านั้น การวางแผนงบประมาณจึงเป็นสิ่งสำคัญ และด้วยงบเงินงบประมาณที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัด จึงต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรให้การใช้งบประมาณเกิดประสิทธิภาพมากสุด และเกิดประโยชน์ประชาชนมากสุด

สำหรับเป้าหมายในการจัดทำงบประมาณปี 69 นั้น ต้องมีการเติบโตทางประสิทธิผล กล่าวคือ ต้องเป็นงบประมาณแม่นยำ และตรงเป้าหมายมากขึ้น โดย 1.ต้องไม่ลดสัดส่วนงบลงทุน และอุดหนุนเพื่อสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง 2.ไม่เพิ่มดำเนินงาน เน้นเพิ่มประสิทธิผล แต่ไม่เพิ่มงบประมาณ และ 3.ไม่เพิ่มอัตรากำลัง เน้นพัฒนากำลังคนให้มีประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความท้าทายทุกวันนี้ เป็นปัญหาที่เจอทั้งในและต่างประเทศ ทั้งความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อม ปัญหาโลกร้อน และปัจจุบันประเทศไทยไม่สามารถเติบโตได้ตามศักยภาพที่มี รายได้ไม่ทันรายจ่าย ทำให้เกิดปัญหาหนี้ครัวเรือน และปัญหาการรับมือสภาพคล่อง และการจ้างงาน ปัญหาสังคมสิ่งแวดล้อมที่ต้องรอได้รับการแก้ไข แต่อย่างไรก็ดี คนไทยมีศักยภาพอยู่มาก บางคนเรียนเก่งแต่โอกาสไปไม่ถึง ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องสร้างโอกาสให้ประชาชน กระจายความเท่าเทียม และสวัสดิการต่าง ๆ ไปทุกพื้นที่ และที่สำคัญเมื่อศักยภาพเกิดขึ้นกับคนไทยแล้ว ต้องมีศักยภาพไปแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างสง่างาม

รัฐบาลมีแนวนโยบายในหลายด้าน ประกอบด้วย ด้านเศรษฐกิจ เรื่องการแก้หนี้ครัวเรือน และ SMEs ทั้งในระบบและนอกระบบ ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ลดค่างวดและพักดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี และโครงการซอฟท์โลนสำหรับ SMEs เดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของกลุ่มประชาชนทั่วไป เป็นการวางรากฐานให้กับประเทศเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว

ด้านการท่องเที่ยว มั่นใจว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 68 จะกลับมาเหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แน่นอน ล่าสุด รมว.ท่องเที่ยวและการกีฬา ได้อัพเดตตัวเลขนักท่องเที่ยวล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-12 ม.ค.68 มีจำนวนถึง 1 ล้านคนแล้ว รายได้สะสม 6.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากมาตรการฟรีวีซ่า และรัฐบาลต้องการให้กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว มีรายได้ไม่น้อยกว่า 3.5 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลจะผลักดันต่อไป

ด้านอุตสาหกรรม SMEs รัฐบาลจะส่งเสริม พัฒนา และสร้างช่องทางการเข้าถึงแหล่งทุนของ SMEs ให้ความสำคัญอุตสาหกรรมของอนาคต เช่น เอไอ เซมิคอนดักเตอร์ และเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมสีเขียวด้วย

ด้านการต่างประเทศ ไทยต้องมีบทบาทในเวทีโลก และยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และบทบาทในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศที่ไทยเป็นสมาชิก

ด้านเกษตร จะมีการยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย ใช้แนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” นำเทคโนโลยีด้านการเกษตร และเทคโนโลยีด้านอาหารมาเพิ่มมูลค่าให้อุตสาหกรรมอาหาร

ด้านพลังงาน จำเป็นปรับโครงสร้างพลังงานและค่าไฟให้ถูกลง ปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำสัญญาการซื้อขายพลังงานโดยตรง รวมถึงสำรวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม และสนับสนุนให้ไทยเป็นแหล่งผลิตพลังงานสะอาด

ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนยกลางคมนาคมและขนส่งในภูมิภาค พัฒนาสนามบิน และเส้นทางการบินใหม่ ๆ มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการบิน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ และพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ

ด้านสังคมและคุณภาพชีวิต จะนำโครงการ “หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน” (ODOS) กลับมาดำเนินการ ทำให้คนไม่หลุดออกจากการศึกษา รวมทั้งโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนต้นแบบ

ด้านที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย สนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิที่ดินเพิ่มขึ้น แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อน รวมถึงโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” เป็นโอกาสให้คนเป็นเจ้าของบ้าน คนไทยควรมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีที่อยู่เป็นของตัวเอง

รวมถึงการแก้ปัญยาเสพติดและอาชญากรรมออนไลน์ด้วยวิธีการที่เด็ดขาด รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และเรื่องสิ่งแวดล้อม รัฐบาลมีแผนเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว ในการแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง

ด้านความมั่นคงต้อง มีการเพิ่มประสิทธิภาพของกองทัพ และใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิผล ปรับขนาดองค์กรให้คล่องตัว และสองคล้องกับภารกิจ เปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารไปสู่แบบสมัครใจ

ด้านการบริหาร การบริหารกฏระเบียบต่าง ๆ กฏหมายยังเป็นแบบเดิม ต้องมีการแก้ปัญหาการผูกขาด ยกเลิกกฏหมายและขั้นตอนที่ไม่จำเป็น

สำหรับกรอบงบประมาณประจำปี 2569 ภายใต้กรอบวงเงิน 3,780,600 ล้านบาท ขอให้ทุกหน่วยพิจารณาการปรับขึ้นเท่าที่จำเป็น และต้องไม่เพิ่มรายจ่ายประจำ ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันสนับสนุนและใช้งบประมาณให้คุ้มค่าที่สุด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ทุกหน่วยงาน ปฏิบัติตามแผนการคลังระยะปานกลางปีงบประมาณ 2569-2572 อย่างเคร่งครัด โดย 1.ขอให้กระทรวงการคลังมีการจัดการรายได้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ 2.ใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้มีความคุ้มค่า ประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน 3.นำเงินนอกงบประมาณและแหล่งเงินอื่น มาใช้ดำเนินการเป็นลำดับแรก เพื่อลดภาระงบประมาณของประเทศ และ 4.เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ พิจารณาลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อจูงใจภาคเอกชน และนักลงทุนจากต่างประเทศ

สิ่งที่สำคัญคือ ข้าราชการทุกคนช่วยกันเปลี่ยนแปลงให้เกิดงบประมาณที่เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นความหวัง และสามารถสร้างโอกาสให้กับประชาชนได้

“เราต้องทำให้ประชาชนเชื่อว่า ข้าราชการเกือบ 2 ล้านคน สามารถดูแลประชาชน 66 ล้านคนได้อย่างปลอดภัย และใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า” น.ส.แพทองธาร กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน เห็นปัญหาร่วมกัน และพร้อมปรับตัวเข้าสู่โลกที่ปรับตัวรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลประชาชน สร้างโอกาส สร้างความหวังให้ประชาชน และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนว่า ปีหน้านี้อาจทำงานกันมาก แต่เชื่อว่าความร่วมมือกับทุกฝ่าย สามารถผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ เกิดประโยชน์กับสถาบันพระมหากษัติย์ที่เรารัก และประชาชนทุกคน ๆ อย่างเท่าเทียมกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ม.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top