BOI ตั้งเป้ายอดลงทุนปี 68 ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านลบ. มุ่งสู่ Hub เทคโนโลยีขั้นสูงของภูมิภาค

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) คาดยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 68 ยังมีมูลค่าอยู่ในระดับเกิน 1 ล้านล้านบาท โดยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งขยายตัวได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนราวปีละ 6 แสนล้านบาท เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนสำคัญ ได้แก่ ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า และการกีดกันทางเทคโนโลยีที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งผลักดันให้นักลงทุนเร่งเคลื่อนย้ายฐานการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง โดยบีโอไอได้จัดเตรียมมาตรการที่จะเพิ่มโอกาสของไทยในการช่วงชิงการลงทุนไว้รองรับแล้ว

“เป้า 1 ล้านล้านบาทไม่เกินความสามารถ เพราะเดิมที่ตั้งเป้าในช่วง 5 ปีจะมียอดขอรับส่งเสริมการลงทุน 3 ล้านล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 6 แสนล้านบาท แต่ผ่านมา 2 ปีทำได้ 2 ล้านล้านบาทแล้ว ซึ่งต้องมีมาตรการที่ทำให้เติบโตอย่างยั่งยืน” นายนฤตม์ กล่าว

สำหรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุนในปี 2568 บีโอไอจะเดินหน้าดึงการลงทุนเพื่อสร้างฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญ แบตเตอรี่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ เทคโนโลยี AI และดิจิทัลขั้นสูง และเทคโนโลยีชีวภาพ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมและบริการที่ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง อย่างเกษตรและอาหาร พลังงานสะอาด การแพทย์และสุขภาพ การท่องเที่ยว รวมถึงกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศทั้งสำนักงานภูมิภาค (Regional Headquarters) ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้า และศูนย์กลางจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนระหว่างประเทศ

โดยจะต้องเสริมความพร้อมและศักยภาพในหลาย ๆ ด้านที่เป็นจุดแข็งเดิม เช่น ความเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคต่าง ๆ โครงสร้างพื้นฐานที่ดี ความสัมพันธ์ที่ดีกับนานาประเทศ มีห่วงโซ่การผลิตครบวงจร มีบุคลากรที่มีคุรภาพ การให้สิทธิประโยชน์ที่แข่งขันได้ สภาพแวดล้อมน่าอยู่ เป็นมิตรกับธุรกิจและต้นทุนประกอบธุรกิจที่เหมาะสม ตลาดมีศักยภาพสูง เป็นฐานขยายสู่ภูมิภาค

“นักลงทุนที่เข้ามามีความหลากหลายสะท้อนชัดเจนว่าเราไม่ได้เลือกข้าง เราสามารถเป็นสะพานเศรษฐกิจเชื่อมโยงซัพพลายเชนให้กับมหาอำนาจขั้วต่าง ๆ ได้ นักลงทุนจึงมองไทยเป็นแหล่งลงทุนที่มีความมั่นคงปลอดภัย และมีความโดดเด่นในภูมิภาค” นายนฤตม์ กล่าว

ขณะเดียวกันต้องสร้างจุดแข็งใหม่ เช่น การสร้างบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย การจัดหาพลังงานสะอาดที่มีราคาเหมาะสม การจัดเตรียมพื้นที่รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เหมาะสม การสร้างห่วงโซ่การผลิตในอุตสาหกรรมเป้าหมาย การเร่งขยาย FTA เพื่อเปิดตลาดใหม่ เร่งพิจารณาออกมาตรการ Qualified Refundable Tax Credit (QRTC) เพื่อบรรเทาผลกระทบจาก Global Minimum Tax เพิ่มเติมจากมาตรการที่บีโอไอเตรียมไว้ และปฏิรูปกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค

ในปีนี้จะดำเนินแผนเชิงรุกด้วยการจัดโรดโชว์การลงทุนไปยังประเทศเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ตะวันออกกลาง สหรัฐฯ และยุโรป เพื่อดึงการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งต่อยอดฐานอุตสาหกรรมสำคัญในประเทศไทยให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทย และขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

ขณะที่การลงทุนจริงจากผู้ที่ได้รับใบส่งเสริมการลงทุนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะเร็วขึ้นกว่าในอดีตเกือบเท่าตัว บางรายเข้ามาเช่าพื้นที่ประกอบการและนำเข้าเครื่องจักรมาล่วงหน้าระหว่างรอก่อสร้างโรงงาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาธุรกิจสะดุดขาดช่วง

“ปีนี้จะไปโรดโชว์ดึงการลงทุน ทั้งร่วมคณะไปกับนายกรัฐมนตรี รองฯ พิชัย (ชุณหวชิร) และสำนักงานฯ เอง เพื่อกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย” นายนฤตม์ กล่าว

ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดที่จะให้มีการจัดตั้ง Entertainment Complex นั้นถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้น โดยบีโอไอพร้อมที่จะให้การสนับสนุน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ม.ค. 68)

Tags: ,
Back to Top