สธ. ชี้ไวรัส hMPV ระบาดเป็นปกติในฤดูฝน-หนาว ยันไม่ร้ายแรง รักษาตามอาการ

นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีที่มีการระบาดของเชื้อ “ฮิวแมน เมตะนิวโมไวรัส” (Human Metapneumovirus) หรือไวรัส hMPV ที่ต่างประเทศ ว่า โรคติดเชื้อไวรัส hMPV เป็นไวรัสที่สามารถทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ พบครั้งแรกในปี 2544 อยู่ในตระกูล Pneumoviridae เช่นเดียวกับไวรัสอาร์เอส (human respiratory syncytial virus)

ทั้งนี้ เมื่อติดเชื้อ hMPV จะมีระยะฟักตัวของโรคอยู่ที่ 3-6 วัน โดยจะมีอาการคล้ายกับการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ เช่น ไอ มีไข้ คัดจมูก และหายใจลำบาก ผู้ที่มีอาการรุนแรง อาจทำให้เกิดหลอดลมฝอยอักเสบเฉียบพลัน หรือปอดบวมได้ โดยเชื้อ hMPV สามารถแพร่กระจายจากคนที่ติดเชื้อไปยังผู้อื่นผ่านการไอหรือจาม การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ การสัมผัสสารคัดหลั่งแล้วเชื้อเข้าทางปาก จมูก หรือดวงตา ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้นาน 1-2 สัปดาห์หลังจากแสดงอาการ

ปัจจุบัน การตรวจวินิจฉัยเชื้อไวรัส hMPV ทางห้องปฏิบัติการ ทำได้โดยการตรวจทางชีวโมเลกุล ด้วยวิธี Real-time RT-PCR จากตัวอย่างส่งตรวจจากระบบทางเดินหายใจ ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการเชื้อไวรัสชนิดนี้ มาตั้งแต่ปี 2552 โดยการตรวจสารพันธุกรรมของไวรัส ด้วยวิธี Real-time RT-PCR ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และปอดบวม จากโรงพยาบาลเครือข่ายทั่วประเทศ

โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส hMPV ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูฝนจนถึงฤดูหนาว โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อสูงสุดในเดือนม.ค. จากนั้นพบการติดเชื้อลดลงอย่างชัดเจนในช่วงเดือนก.พ.-เม.ย. โดยมีผู้ป่วยติดเชื้อ hMPV ที่ 2.9% จากจำนวนตัวอย่างเฝ้าระวังโรคระบบทางเดินหายใจทั้งหมด 10,695 ตัวอย่าง ส่วนมากพบในเด็กเล็กช่วงอายุ 0-5 ปี

นพ.ยงยศ กล่าวว่า การรักษาส่วนใหญ่เป็นแบบประคับประคองตามอาการ ไม่ได้ร้ายแรง หรือไม่ได้มาหาหมอก็สามารถหายเองได้ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถป้องกันตัวเองจากโรคติดเชื้อไวรัส hMPV ซึ่งทำได้เช่นเดียวกันกับโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ดูแลเรื่องสุขลักษณะให้ร่างกายแข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือให้สะอาด และหากมีอาการไอ เจ็บคอ ให้สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการไอหรือจาม และสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่น ซึ่งอาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้ง่าย สำหรับเด็กที่ป่วยควรหยุดเรียน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่น

ทั้งนี้ โรงพยาบาลสามารถติดต่อสอบถาม และส่งตัวอย่างเพื่อสอบสวนโรค ได้ที่ ศูนย์ประสานงานการตรวจวิเคราะห์และเฝ้าระวังโรคทางห้องปฏิบัติการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จังหวัดนนทบุรี โทร 02-951 0000 ต่อ 99248 หรือ 99614 หรือที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้ง 15 แห่ง ทั่วประเทศ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ม.ค. 68)

Tags: , , , , ,
Back to Top