“อันวาร์” ประกาศดันมาเลเซียเป็นฮับพลังงาน-แหล่งผลิตชิป

นายดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย (ภาพ: Thaigov.go.th)

นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจเปิดเผยในวันนี้ (9 ม.ค.) ว่า มาเลเซียตั้งเป้าใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งอันเหมาะสม เพื่อก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานและการผลิตชิปในปีนี้ โดยอาศัยแรงหนุนจากการลงทุนที่ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว และแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่สดใส

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มาเลเซียกำลังผงาดขึ้นเป็น “แหล่งหลบภัย” แห่งใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างรวดเร็ว โดยนักลงทุนต่างชาติหวนคืนสู่มาเลเซียเพราะการเติบโตที่แข็งแกร่งและค่าเงินที่มีเสถียรภาพ ซึ่งโดดเด่นกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคที่กำลังเผชิญมรสุมความไม่แน่นอนทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ

นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม กล่าวว่า เศรษฐกิจของมาเลเซียฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา โดยมีแรงส่งสำคัญมาจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ พร้อมกับเสริมว่า อัตราเงินเฟ้อและค่าเงินริงกิตมีเสถียรภาพ อีกทั้งตลาดหุ้นมาเลเซียยังทำผลงานได้ดีที่สุดในภูมิภาคอีกด้วย

“ในปี 2568 เราต้องการตอกย้ำจุดแข็งทางภูมิศาสตร์ของเรา เพื่อเป็นศูนย์กลางในการส่งผ่านไฟฟ้า บุคลากรที่มีความสามารถ และการกระจายความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทาน” นายกฯ อันวาร์กล่าวในที่ประชุมด้านเศรษฐกิจ

นายกฯ อันวาร์เผยว่า มาเลเซียจะเดินหน้ายกระดับความเชี่ยวชาญด้านน้ำมันและก๊าซ เซมิคอนดักเตอร์ และการเงินอิสลาม เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในแต่ละภาคส่วน

ขณะเดียวกัน ราฟิซี รามลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ กล่าวว่า มาเลเซียกำลังวางแผนที่จะผลิตหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของตนเอง เพื่อตอบสนองความต้องการด้านปัญญาประดิษฐ์และศูนย์ข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้น

“เราหวังว่าจะสามารถเริ่มผลิต GPU และชิป ‘เมดบายมาเลเซีย’ ได้ภายใน 5-10 ปีข้างหน้า” ราฟิซีกล่าว

มาเลเซียเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยครองส่วนแบ่ง 13% ของการทดสอบและการบรรจุภัณฑ์ทั่วโลก และกำลังตั้งเป้าดึงดูดการลงทุนในภาคส่วนนี้ให้ได้มากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์

มาเลเซียถือเป็นประเทศที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมในการดึงดูดธุรกิจเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทชิปของจีนกำลังมองหาแหล่งประกอบชิ้นส่วนในต่างประเทศ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มาเลเซียได้ดึงดูดการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์จากบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น อินเทล (Intel) และอินฟินีออน (Infineon)

นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา มาเลเซียยังได้รับเม็ดเงินลงทุนด้านดิจิทัลมหาศาลจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ รวมถึงกูเกิลของอัลฟาเบท (Alphabet) ซึ่งช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตเกินความคาดหมายของตลาดในไตรมาสที่สองและสาม ส่งผลให้เงินริงกิตกลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่แข็งแกร่งที่สุดของเอเชียในปี 2567

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ม.ค. 68)

Tags: ,
Back to Top