ราห์ม เอ็มมานูเอล เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่นที่กำลังจะพ้นวาระ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์บริษัทผลิตอาวุธของสหรัฐฯ ว่ากำลังบั่นทอนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากให้ความสำคัญกับการซื้อหุ้นคืนมากกว่าการส่งมอบอาวุธให้กองทัพสหรัฐฯ และพันธมิตร
ในการสัมภาษณ์ที่โตเกียวเมื่อวันพุธ (8 ม.ค.) เอ็มมานูเอลระบุว่า บริษัทเหล่านี้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มมูลค่าหุ้นมากกว่าการขยายกำลังการผลิต ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการส่งมอบอาวุธ ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และทำให้พันธมิตรอ่อนแอลง พร้อมระบุว่า “อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ สร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศและความน่าเชื่อถือในการป้องปรามมากกว่าจีนเสียอีก”
เอ็มมานูเอล ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในปี 2564 กล่าวว่า เขาเห็นผลกระทบจากความล่าช้าในการส่งมอบยุทโธปกรณ์ต่อกองทัพสหรัฐฯ และพันธมิตรในภูมิภาค โดยระบุว่า “ผมบอกไม่ถูกว่าต้องใช้ทุนทางการเมืองของผมเพื่อแก้ต่างให้กับความล้มเหลวของพวกเขาแล้วกี่ครั้ง”
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความขัดแย้งในตะวันออกกลางและยูเครนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทอย่าง อาร์ทีเอ็กซ์ คอร์ป (RTX) นอร์ทธรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) และล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin)
ทั้งนี้ เมื่อปี 2566 ล็อกฮีด มาร์ติน และอาร์ทีเอ็กซ์ใช้เงินรวมกันทั้งสิ้น 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์ในการซื้อหุ้นคืน เทียบกับงบการลงทุนเพียง 4.1 พันล้านดอลลาร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ม.ค. 68)
Tags: จีน, ราห์ม เอ็มมานูเอล, สหรัฐ, อาวุธ