แอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต รัฐมนตรีประสานงานเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า รัฐบาลอินโดนีเซียจะกำหนดให้กลุ่มผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ต้องเก็บรักษารายได้สกุลเงินต่างประเทศส่วนหนึ่งที่ได้จากการส่งออกไว้ในประเทศเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี เพื่อเสริมสร้างระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของอินโดนีเซียให้แข็งแกร่ง
ฮาร์ตาร์โตกล่าวในวันพุธ (8 ม.ค.) ว่า ระยะเวลาดังกล่าวยาวนานกว่าข้อกำหนด 3 เดือนที่บังคับใช้ในปัจจุบัน โดยรัฐบาลจะออกกฏระเบียบฉบับปรับปรุงในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งขณะนี้ทางรัฐบาลและธนาคารกลางอินโดนีเซียกำลังเตรียมออกมาตรการสร้างแรงจูงใจ เพื่อให้มั่นใจว่ากลุ่มผู้ส่งออกจะปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่นี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การกำหนดกฎระเบียบเกี่ยวกับรายได้จากการส่งออกนั้น ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่อินโดนีเซียนำมาใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียห์ โดยแนวโน้มที่สหรัฐฯ จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า และการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น ได้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และทำให้ค่าเงินรูเปียห์อ่อนค่าลง 0.9% ในเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบที่เข้มงวดนี้ยังได้บังคับให้ผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านทุน ซึ่งจะลดความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มผู้ส่งออก นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวถูกต่อต้านจากนักลงทุนที่กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเงินทุนอย่างเสรีในอินโดนีเซีย
สำหรับกฎระเบียบที่บังคับใช้ในปัจจุบันนั้น กำหนดให้ผู้ส่งออกในภาคเหมืองแร่ การเพาะปลูก ป่าไม้ และประมง ที่มีรายได้อย่างน้อย 250,000 ดอลลาร์ ต้องเก็บรักษาเงินตราต่างประเทศที่ได้จากการส่งออกอย่างน้อย 30% ไว้ในประเทศเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ม.ค. 68)
Tags: สกุลเงินต่างประเทศ, ส่งออก, อินโดนีเซีย