ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำวันที่ 17-18 ธ.ค. ซึ่งระบุว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและผลกระทบที่อาจเกิดจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยรายงานการประชุมบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่เฟดจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า แม้ว่าเฟดไม่ได้ระบุชื่อของทรัมป์ในรายงานการประชุมซึ่งมีการเผยแพร่ในวันพุธ (7 ม.ค.) แต่รายงานได้กล่าวถึงผลกระทบที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านการเข้าเมืองและการค้าที่จะมีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างน้อย 4 ครั้ง
“กรรมการเฟดเกือบทั้งหมดมีความเห็นว่า มีความเสี่ยงมากขึ้นที่เงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยมุมมองดังกล่าวพิจารณาจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาสูงเกินคาดเมื่อไม่นานมานี้ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านการค้าและการเข้าเมือง” เฟดระบุในรายงานการประชุม
รายงานการประชุมดังกล่าวส่งสัญญาณว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้ามีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง
“ในการหารือเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินนั้น เจ้าหน้าที่เฟดระบุว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ได้มาถึงจุดหรือใกล้ถึงจุดที่จะเหมาะสมในการชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน” รายงานการประชุมระบุ
ในการประชุมเมื่อวันที่ 17-18 ธ.ค. 2567 คณะกรรมการเฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปี 2568 จากเดิมที่ส่งสัญญาณในเดือนก.ย.ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1.00% ในปี 2568
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ม.ค. 68)
Tags: ธนาคารกลางสหรัฐ, นโยบายการเงิน, สหรัฐ, เงินเฟ้อ, เฟด, โดนัลด์ ทรัมป์