หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ในกรอบกังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ ซึ่งการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อคืนนี้ค่อนข้างดีมาก โดยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ตัวเลขทำจุดสูงสุดในรอบ 6 เดือน

ด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐเร่งตัวขึ้นต่อ อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีเกินไปส่งผลต่อการคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ รวมทั้งการเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค. นี้ ที่ทำให้ตลาดกังวลว่าเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้น โดยล่าสุดนักลงทุนคาดการณ์เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเพียงหนึ่งครั้งในเดือนมิ.ย.

ทั้งนี้ จากการปรับลดคาดการณ์ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าคาดการณ์เดิม เป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้นด้วย ซึ่งล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นเกือบสูงสุดในรอบ 8 เดือน ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยวันนี้เป็นภาพของการแกว่งตัวในกรอบไปก่อน อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังมีโมเมนตัมบวก หลังเมื่อวานนี้ดัชนีพยายามฟื้นตัวขึ้นมาในระดับหนึ่ง

พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,380 จุด และแนวต้าน 1,400 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (7 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,528.36 จุด ลดลง 178.20 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,909.03 จุด ลดลง 66.35 จุด หรือ -1.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,489.68 จุด ลดลง 375.30 จุด หรือ -1.89%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 39,879.36 จุด ลดลง 203.94 จุด หรือ -0.51% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,390.76 จุด ลดลง 56.82 จุด หรือ -0.29% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,218.86 จุด ลดลง 10.78 จุด หรือ -0.33%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ม.ค.) ที่ 1,390.88 จุด เพิ่มขึ้น 18.23 จุด (+1.33%) มูลค่าซื้อขายราว 39,119.77 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (7 ม.ค.) 2,478.50 ล้านบาท

– ราคาน้ำมัน WTI ส่งมอบเดือนก.พ. (7 ม.ค.) เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.94% ปิดที่ 74.25 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ม.ค.) อยู่ที่ 3.73 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.57 บาท/ดอลลาร์ แนวโน้มอ่อนค่า หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหนุนดอลลาร์แข็งค่า

– กระทรวงพลังงานเล็งเสนอคลังลดภาษีปิโตรเลียมจากปัจจุบันเก็บ 50% ของกำไรสุทธิ ให้ผู้ผลิตก๊าซฯ ในอ่าวไทย หวังลดต้นทุน กดราคาขายก๊าซฯ ให้โรงไฟฟ้าเอกชน สนองนโยบายค่าไฟ 3.70 บาทต่อหน่วย “จุลพันธ์” ลั่นพร้อมลดหย่อนการจัดเก็บภาษี ฟาก “นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์” ระบุให้ความสำคัญค่าไฟเป็นลำดับต้นๆ ช่วยลดค่าครองชีพและเพิ่มความสามารถแข่งขันให้ประเทศไทย ด้านโบรกเกอร์ประเมินผลเจรจาเอกชนเกิดขึ้นยาก มองช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเปราะบางมากกว่า ขณะที่ GULF-BGRIM-EGCO-GPSC หายตกใจขึ้นยกแผง

-“พิชัย” รมว.คลัง สั่งปลัดคลังรีบเสนอรายชื่อประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่ แทน “โต้ง-กิตติรัตน์” ย้ำจะเร่งดำเนินการเร็วที่สุด ด้าน “จุลพันธ์” ย้ำแจกเงินหมื่นเฟส 2 กลุ่มสูงอายุ กำหนดไว้ไม่เกิน 29 ม.ค. 68 ส่วน “เผ่าภูมิ” มึน! ตัวเลขเงินเฟ้อปี 67 ต่ำจนหลุดกรอบเป้าหมาย จี้แบงก์ชาติผลักดันให้ได้ค่ากลางที่ 2%

– ครม.เห็นชอบ งบรายจ่ายปี 2569 ที่ 3.78 ล้านล้านบาท รายจ่ายลงทุนแตะ 22.7% ล่าสุดอัดฉีดซอฟต์โลน ดอกเบี้ยต่ำ 3% ให้เอสเอ็มอีวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท

– วงการคริปโท ชี้ ราคาบิทคอยน์ปีนี้ทำออลไทม์ไฮต่อเนื่อง “คริปโตมายด์” คาดลุ้นแตะ 1.5 แสนดอลลาร์ สิ้นไตรมาส 1/2568 จากดีมานด์เพิ่มขึ้นจากสถาบัน-นโยบายทรัมป์ดัน ด้าน บิตเก็ต เชื่อทำจุดสูงสุดปีนี้ 2 แสนดอลลาร์ ด้าน ZIGA ทุ่มงบ 50 ล้านบาท ลงทุนซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์เพิ่มอีกราว 100 เครื่องจากปัจจุบันมี 200 เครื่อง หวังกำลังการผลิตพุ่ง พร้อมติดตั้งโซลาร์รูฟ

 

หุ้นเด่นวันนี้

 

– PTTEP (ทรีนีตี้) แนะ Trading Buy แต่หั่นเป้าลงเป็น 156 บาท โดย 3 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นลงไป -8% ตามทิศทางตลาดที่ปรับลดลง -5% ขณะที่ราคาน้ำมันแกว่งในกรอบ USD70-75/bbl คาด PTTEP รายงานกำไร Q4/67 ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท +3% QoQ, +5% YoY ดีขึ้นตามปริมาณขายเพิ่มขึ้น-ต้นทุนคาดลดลง ปริมาณขายคาดราว 510 KBOED +7% YoY, +7% Q00 ปรับประมาณการกำไรปี 68 ลงเป็น 6.9 หมื่นล้านบาท -13% YoY โดยปรับสมมติฐานปริมาณขายลงมาเป็น 507 KBOED จากเดิมที่ 523 KBOED ตามแผนการลงทุน 5 ปีของบริษัทที่ออกมาก่อนหน้านี้

– SIRI (กสิกรไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 2.20 บาท คงมุมมองเช็งบวกต่อความสามารถขายบ้านแนวราบโดดเด่น สะท้อนจากยอดขาย Q4/67 โต 28% เทียบปีก่อน และ 21% เทียบไตรมาสก่อน แม้ยอดขายรวมจะลดลง 14% เทียบปีก่อน เนื่องจากเลื่อนเปิดโครงการแนวราบขนาดใหญ่ราวหมื่นล้านบาทมาปีนี้ คาดมูลค่าเปิดตัวโครงการจะสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้แนวโน้มการขายบ้านแนวราบยังเติบโตแข็งแกร่งกว่าคู่แข่ง ประกอบกับอัตราเงินปันผลสูงถึง 9% และมูลค่าหุ้นที่ PE’68 ที่ 6 เท่า พร้อมแรงหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง

– BJC (ฟินันเซียไซัรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 31 บาท แนวโน้มกำไร Q4/67 จะเร่งตัว q-q จาก High Season การใช้จ่าย คาด SSSG บวกราว 2% y-y ซึ่งเร่งขึ้น อย่างไรก็ตามกำไรจะลดลง yoy จากฐานสูงปีก่อนหน้าจากภาษีจ่ายเป็นบวก หากดูกำไรก่อนภาษีเบื้องต้นคาดยังโตได้ ประมาณการกำไรปกติคาด 4.4 พันล้านบาท -6% y-y สำหรับปี 67 ก่อนเร่งเป็น 5.1 พันล้านบาท +16% y-y ปี 68 ราคาหุ้นปรับลงทำให้ Valuation ไม่แพงเทรด PBV เพียง 0.8 เท่า Dividend Yield ราว 3.6%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ม.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top