คุมเข้ม PM 2.5! นายกฯ สั่งทุกหน่วยเร่งหามาตรการเพิ่มเติม หวังปีนี้ลดลง

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเร่งด่วนในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้เข้าสู่ฤดูกาลที่ปัญหา PM 2.5 เริ่มรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการรับซื้ออ้อยที่ถูกเผาในหลายพื้นที่ ในขณะที่ภาพถ่ายดาวเทียมก็เริ่มเห็น Hotspot เพิ่มมากขึ้นในบางจังหวัด

โดยขอให้ในที่ประชุมครม. วันนี้หารือในประเด็นนี้ และขอมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ไปดำเนินการในการป้องกัน กวดขัน จับกุมอย่างเข้มงวด โดยมีเป้าหมายต้องลดให้ได้มากกว่าปีที่ผ่านมา

 

มาตรการเกี่ยวกับพืชผลทางการเกษตร ดังนี้

– กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ประกอบการงดการรับซื้ออ้อยไฟไหม้ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บังคับใช้กฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวดกับผู้เผาป่า/เผาตอซังข้าว/ข้าวโพด/อ้อยและพืชอื่น ๆ รวมทั้งประกาศกำหนดเขตควบคุมมลพิษ โดยร่วมมือกับภาคประชาสังคมในการดำเนินการดังกล่าว

– กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับกระทรวงเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการห้ามนำเข้าอ้อยไฟไหม้ รวมทั้งพืชเกษตรอื่น ๆ ที่ผ่านการเผา

– กระทรวงกลาโหม ขอให้หน่วยงานความมั่นคงและกรมศุลกากรตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าพืชที่ผ่านการเผาทุกชนิดตามแนวชายแดนต่าง ๆ อย่างเข้มงวด

 

ลดค่า PM 2.5 ในภาคส่วนอื่น ๆ  ดังนี้

– กระทรวงคมนาคม และ ตร. ตรวจสอบและห้ามใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะรถปิคอัพ/ รถโดยสาร/ รถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่ปล่อยควันดำ รวมทั้งรถขนส่งมวลชนขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กระทรวง และรถร่วมบริการเส้นทางต่าง ๆ ที่อยู่ในความดูแลของรัฐ

– กระทรวงมหาดไทย กำชับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ให้ควบคุมการก่อสร้างในเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันการปล่อย PM 2.5 จากไซต์งานก่อสร้าง รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดให้กับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือมาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง

– กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง) กำหนดแนวทางป้องกันมิให้เกิดการปล่อย PM 2.5 ในโครงการก่อสร้างของรัฐ เพื่อให้ทุกหน่วยงานของรัฐนำไปกำหนดใน TOR ของการจ้างก่อสร้างต่อไป เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว

– กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมกับกระทรวงอุดมศึกษา และกระทรวงทรัพยากรฯ พัฒนา Platform ฐานข้อมูลกลางเกี่ยวกับ Hotspot และ ventilation โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม หรือ low cost sensors เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปใช้ในการแก้ปัญหาการฟุ้งกระจายของ PM 2.5 อย่างบูรณาการ

– กระทรวงต่างประเทศ หารือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อร่วมมือ และให้ความช่วยเหลือในการลดปัญหาฝุ่นควันข้ามพรมแดน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีข้อสั่งการต่อไปว่า ในด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้กระทรวงมหาดไทย กำชับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย/ ผู้ว่าราชการจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเตรียมการป้องกันกรณีที่มีการลักลอบเผาและเกิดไฟไหม้ลุกลามในวงกว้างและเป็นต้นเหตุของ PM 2.5

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ขอให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบกฎหมายในความรับผิดชอบและเสนอต่อครม. เพิ่มเติมภายในเดือนม.ค. นี้ ว่าในแต่ละกระทรวงจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติม หรือใช้กฎหมายที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา PM 2.5 อย่างยั่งยืนได้อย่างไรบ้าง เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศอากาศสะอาดในเร็ววัน และในปี 68 ปริมาณจะต้องลดลงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ม.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top