นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ตามที่ได้หารือกับแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านกำหนดกรอบเวลาไว้ในช่วงเดือน มี.ค.68 แน่นอน ส่วนการจัดสรรเวลาและโควตาจำนวนผู้อภิปรายก็จะมีการหารือกันต่อไป แต่รายละเอียดของเนื้อหาอภิปรายยังไม่ได้มีการหารือกัน แนวปฏิบัติที่ผ่านมาพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ไม่ได้แบ่งปันข้อมูลกัน เพราะการทำงานจะต่างจากรัฐบาล แต่ละฝ่ายจะมีการหาข้อมูลของตนเอง
สำหรับอุดมการณ์ของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่แตกต่างกันนั้นไม่น่าจะเป็นปัญหาหรืออุปสรรคอะไร เพราะพรรคร่วมรัฐบาลเองก็ไม่ได้มีความเป็นเอกภาพ อย่างเรื่องการชะลอซื้อไฟฟ้าของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุม แต่มอบหมายให้ รมว.พลังงานเป็นประธานแทน จะเห็นว่าจุดยืนที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยแสดงออกมาตลอด แต่ รมว.พลังงานกลับแสดงออกอย่างชัดเจน และสามารถสั่งชะลอรับซื้อไฟฟ้าได้
นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเสนอกฎหมายจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ตอนแรกพรรคร่วมรัฐบาลมีจุดยืนจะผลักดันแต่สุดท้ายก็ถูกแตะเบรค เพราะมีรอยร้าวของความเห็นไม่ตรงกันในพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนตัวมองว่าสิ่งเหล่านี้น่าติดตามต่อไป
ตนอยากให้ทุกคนมองปี 2568 เป็นปีแห่งความหวัง ถึงประเทศไทยจะมีความท้าทายทั้งจากบริบทโลกและจากระบบการเมืองในประเทศก็ตาม แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราทิ้งความหวัง เราจะไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้
ส่วนเรื่องการเมืองท้องถิ่นอยากให้ทุกคนออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงกันมาก ๆ เพื่อให้ได้ตัวแทนในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และระดับเทศบาลที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้าให้เข้ามาทำงานเพื่อประชาชนจริง ๆ
นอกจากนี้อยากให้ประชาชนช่วยกันผลักดันวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตอนนี้สามารถปลดล็อกด่านแรกได้แล้ว คือเรื่องการทำประชามติ สามารถทำเพียงแค่ 2 ครั้งได้ ประธานรัฐสภายอมบรรจุในระเบียบวาระ อยู่ที่ฝ่ายการเมืองว่าจะเอาอย่างไร มีเพียงเสียงของประชาชนเท่านั้นที่จะกดดันฝ่ายการเมืองได้ และอยากให้ร่วมกันผลักดันปณิธานประชาชน 2568 ไปด้วยกัน ช่วยกันส่งเสียงสนับสนุนชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศทั้ง 6 ชุดของพรรคประชาชน และจะมีชุดกฎหมายที่มากกว่านี้ในอนาคต
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยืนยันว่า การทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านยังเดินหน้าเต็มที่เหมือนเดิม สม่ำเสมอ ตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกล เช่น เรื่องของการเสนอกฎหมายในสภา ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุบพรรคก้าวไกลในเดือนสิงหาคมจนถึงสิ้นปี เรายังไม่ได้มีโอกาสหรือเวทีแสดงพลังในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น แต่เราทำหน้าที่อย่างคงเส้นคงวาเหมือนเดิม ตรงไปตรงมาเหมือนเดิม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ม.ค. 68)
Tags: ซักฟอกรัฐบาล, ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ