นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการทำงานของกระทรวงมหาดไทยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จะสลายขั้วอำนาจเดิมในกระทรวงได้หรือไม่ ว่า ตนยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากับใคร อาจมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่งานไม่เคยเสีย ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ต่อให้มีความเห็นไม่ตรงกัน ระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายประจำ แต่งานบริการประชาชนยัง 100% ตรงนี้อย่าไปกังวล ระบบดีเราทำงานที่ระบบไม่ใช่ตัวบุคคล ตนตอบอย่างนี้ไม่พอใจหรือไม่
“ถ้าตนสั่งการ หรือมีนโยบายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ไม่ต้องทำ แต่ถ้าชอบด้วยกฎหมายที่เป็นประโยชน์ ก็ต้องทำ ใครไม่ทำก็ต้องมีความผิด” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า ในยุคต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์ผู้ว่าราชการจังหวัดทำงานแบบเกียร์ว่างอีกใช่หรือไม่ นายอนุทิน ตอบกลับทันทีว่า ตอนนี้ เข้าเกียร์ 5 คว้าเกียร์ 6 ยกเกียร์ 7 เสร็จเกียร์ 8 เกียร์ 9 เข้าเกียร์ 10 ทุกอย่างมีความชัดเจน เวลาที่ผ่านไปทุกคนพิสูจน์ให้สังคมเห็น ว่าเข้ามาร่วมกันทำงานให้กับประชาชนและประเทศชาติ ไม่มีตรงไหนที่ทำให้ตัวเองความเชื่อถือ การยอมรับ ความผูกพัน ที่สร้างขึ้นมา ทุกๆ วันออกมาในเรื่องของการทำงาน คือผลของการทำงานที่ดีวันนี้เราครบหมดแล้ว ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติตามข้อเสนอของปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเมื่อเสนอมา ตนก็เห็นว่าเหมาะสม มีคละเคล้ากันไปทั้งอาวุโสและความสามารถ มีเวลาในการทำงาน ถ้าจะกำหนดเป็นค่า KPI ก็กำหนดได้ไม่มีปัญหา
นายอนุทินกล่าวย้ำ ด้วยวิธีการทำงานของตนจะไม่มีการแตกแถว มีแต่คนมาเข้าแถวเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าสนุกและเห็นๆ อยู่ว่า ตนไม่ได้สนุกคนเดียว แต่ทุกคนสนุกไปด้วย ทุกคนได้เห็นชาวบ้าน ได้เห็นประชาชน ได้เห็นความทุกข์ ได้เห็นความสุข ได้เห็นน้ำตา ได้เห็นรอยยิ้ม ของพวกนี้เวลาทำงานไปเรื่อยๆ ก็จะเข้าไปในจิตสำนึกของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทุกคน
“กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงที่ราชการระดับสูงต้องลงพื้นที่ สุมหัวลงพื้นที่ด้วยกัน เวลาตนลงพื้นที่ต้องมีปลัดกระทรวงมหาดไทยและอธิบดีไปด้วย จะได้ไม่ต้องสั่งการด้วยตนเอง จะมีการดำเนินการสั่งการในสายงาน ไปด้วยความเรียบร้อย จะมีผลงานออกมาตลอด ดังนั้นเรื่องของคำว่า แตกแถว นับจากวันนี้เป็นต้นไปก็คงไม่มีและคงไม่น่าจะกล้าด้วย” นายอนุทิน กล่าว
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปี 2568 ที่กำลังจะมาถึงเป็นอีกปีที่มีความท้าทาย การเปลี่ยนแปลง ทั้งมิติของสังคม เศรษฐกิจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย จึงได้ให้นโยบายกับส่วนราชการ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยต้องปรับตัวให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง สามารถเป็นที่พึ่งบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ประชาชนตามภารกิจของกระทรวงมหาดไทยได้ในทุกสถานการณ์
เพื่อรับกับนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จัดโครงสร้างการบริหารงานราชการภูมิภาค คือ จังหวัด และอำเภอ ให้ความสำคัญกับการจัดวางภารกิจให้สามารถขับเคลื่อนการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนครอบคลุมทุกด้าน เจ้าหน้าที่ลดการเป็นนักปกครองไปสู่การเป็นนักบริหาร เนื่องจากปัจจุบันประชาชนไม่ได้ต้องการนักปกครอง แต่ต้องการเห็นผู้บริหาร และต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องที่มีผลกระทบ มีผลได้ มีผลเสียกับตนเอง
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โครงสร้างการบริหารราชการส่วนภูมิภาคใหม่นี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้ดูภาพรวมการบริหารงานของจังหวัด รู้ทุกเรื่องในพื้นที่จังหวัด และมีผู้ว่าราชการจังหวัดด้านต่างๆ ประกอบด้วย
1) รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายมั่นคง รับผิดชอบ งานจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล การ กระทำผิดกฎหมายที่เป็นภัยสังคม หนี้นอกระบบ และ ปราปปรามอาเสพติดโดยเฉพาะยาเสพติด เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และมนุษยชาติ ทำลายสุขภาพ ก่อปัญหาสังคม และทำลายระบบเศรษฐกิจ
2) รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายเศรษฐกิจ ทำหน้าที่แก้ปัญหาความยากจน ให้ประชาชน ต้องเป็นนักบริหาร สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และ สร้างโอกาสให้แก่ประชาชน ความยากจน คือ ปัญหาที่บั่นทอนศักยภาพและการพัฒนาของประชาชน และประเทศ
3) รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายบริหาร รับผิดชอบงานบริการประชาชน ต้องนำเทคโนโลยี มาใช้ ลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้ประชาชนทุนทุกคนได้รับความสะดวก สบาย กับการใช้บริการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่างเท่าเทียมกัน
และ 4) รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายสังคม รับผิดชอบการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ปลูกจิตสำนึกคนไทย หัวใจรักชาติ สร้างความสามัคคีในชุมชน รักท้องถิ่น ปกป้องชุมชน ให้พ้นจากภัยอันตรายทั้งภัยจากการกระทำของมนุษย์ และภัยธรรมชาติ ต้องเป็นผู้นำการรวมพลังพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น จังหวัด และประเทศไทย
“โครงสร้างการบริหารของจังหวัด ลักษณะนี้ จะถ่ายทอดลงไปเป็นโครงสร้างการบริหารระดับอำเภอ ในแนวทางเดียวกัน เกิดผลการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ไปสู่ทุกชุมชน ทุกหมู่บ้าน ของประเทศไทย ซึ่งนายอนุทินเชื่อว่าเวลาอีก 2 ปี เศษของรัฐบาล ถ้ากระทรวงมหาดไทย ขับเคลื่อนไปในแนวทางนี้ได้ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุขจะเกิดขึ้นทั่วประเทศและคนไทย สังคมไทย จะมีความสุขมากขึ้น ความทุกข์ลดลง ตามพันธกิจของกระทรวงมหาดไทย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
เพื่อรับกับนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จัดโครงสร้างการบริหารงานราชการภูมิภาค คือ จังหวัด และอำเภอ ให้ความสำคัญกับการจัดวางภารกิจให้สามารถขับเคลื่อนการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนครอบคลุมทุกด้าน เจ้าหน้าที่ลดการเป็นนักปกครองไปสู่การเป็นนักบริหาร เนื่องจากปัจจุบันประชาชนไม่ได้ต้องการนักปกครอง แต่ต้องการเห็นผู้บริหาร และต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องที่มีผลกระทบ มีผลได้ มีผลเสียกับตนเอง
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โครงสร้างการบริหารราชการส่วนภูมิภาคใหม่นี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้ดูภาพรวมการบริหารงานของจังหวัด รู้ทุกเรื่องในพื้นที่จังหวัด และมีผู้ว่าราชการจังหวัดด้านต่างๆ ประกอบด้วย
1) รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายมั่นคง รับผิดชอบ งานจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล การ กระทำผิดกฎหมายที่เป็นภัยสังคม หนี้นอกระบบ และ ปราปปรามอาเสพติดโดยเฉพาะยาเสพติด เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และมนุษยชาติ ทำลายสุขภาพ ก่อปัญหาสังคม และทำลายระบบเศรษฐกิจ
2) รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายเศรษฐกิจ ทำหน้าที่แก้ปัญหาความยากจน ให้ประชาชน ต้องเป็นนักบริหาร สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และ สร้างโอกาสให้แก่ประชาชน ความยากจน คือ ปัญหาที่บั่นทอนศักยภาพและการพัฒนาของประชาชน และประเทศ
3) รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายบริหาร รับผิดชอบงานบริการประชาชน ต้องนำเทคโนโลยี มาใช้ ลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้ประชาชนทุนทุกคนได้รับความสะดวก สบาย กับการใช้บริการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่างเท่าเทียมกัน
และ 4) รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายสังคม รับผิดชอบการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ปลูกจิตสำนึกคนไทย หัวใจรักชาติ สร้างความสามัคคีในชุมชน รักท้องถิ่น ปกป้องชุมชน ให้พ้นจากภัยอันตรายทั้งภัยจากการกระทำของมนุษย์ และภัยธรรมชาติ ต้องเป็นผู้นำการรวมพลังพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น จังหวัด และประเทศไทย
“โครงสร้างการบริหารของจังหวัด ลักษณะนี้ จะถ่ายทอดลงไปเป็นโครงสร้างการบริหารระดับอำเภอ ในแนวทางเดียวกัน เกิดผลการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ไปสู่ทุกชุมชน ทุกหมู่บ้าน ของประเทศไทย ซึ่งนายอนุทินเชื่อว่าเวลาอีก 2 ปี เศษของรัฐบาล ถ้ากระทรวงมหาดไทย ขับเคลื่อนไปในแนวทางนี้ได้ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุขจะเกิดขึ้นทั่วประเทศและคนไทย สังคมไทย จะมีความสุขมากขึ้น ความทุกข์ลดลง ตามพันธกิจของกระทรวงมหาดไทย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ธ.ค. 67)
Tags: กระทรวงมหาดไทย, อนุทิน ชาญวีรกูล, ไตรศุลี ไตรสรณกุล