นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเรือดำน้ำ โดยเฉพาะการตัดสินใจเปลี่ยนมาเป็นเครื่องยนต์จีนว่า ตอนแรกตั้งใจว่าจะให้เสร็จภายในเดือนธันวาคม 2567 แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะหลังจากมาดูแล้วการเปลี่ยนตัวเครื่องยนต์ เป็นสาระสำคัญ ซึ่งต้องคุยกันให้จบ เพราะหากมีผลเสียเกิดขึ้นมา คนที่รับผิดชอบเต็ม ๆ คนแรกคือ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และคนรับผิดชอบสุดท้ายคือตน ดังนั้นต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้ชัด
“ผมได้บอกกับกองทัพเรือ และ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยไปว่า ผมเป็นคนไม่ชอบทำอะไรที่ค้างนาน และไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อ หรือดึงเวลา ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะให้เสร็จภายในเดือนธันวาคม 2567 แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะหลังจากมาดูแล้ว การเปลี่ยนตัวเครื่องยนต์ เป็นสาระสำคัญ ซึ่งต้องคุยกันให้จบ”
นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะขอทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรให้ทางผู้ช่วยทูตทหารได้กลับไปคุยกับรัฐบาลเยอรมนี ว่าจะขายเครื่องยนต์นี้ให้กับประเทศไทยหรือไม่ และจะรอฟังคำตอบอย่างเป็นทางการ
พร้อมมั่นใจว่าโครงการนี้จะจบในรัฐบาลนี้ ตนจะไม่ทิ้งไว้ ถ้าทิ้งไว้ก็จะช้าอยู่อย่างนี้ จะเอาหรือไม่เอา จะตัดสินใจหรือไม่ตัดสินใจ ก็ต้องหาคำตอบมา มั่นใจว่าจะตัดสินใจได้ใน 6 เดือน
“อย่างน้อยตัวนี้จะเป็นเครื่องวัด ไม่ใช่บอกว่าให้ผมเซ็นก็ต้องเซ็นเลย ผมพยายามหาทางออก เพราะมีคำจากผู้ต่อต้านการซื้อว่า เรือลำนี้ไม่เคยลงน้ำเลย และอาจทำให้มีความกลัวที่จะเสียชีวิตในการลงเรือดำน้ำลำนี้ แต่เรือดำน้ำรุ่นนี้ทางจีนได้ขายและใช้เครื่องยนต์เดียวกับที่จีนเสนอให้ไทย ขายให้ปากีสถาน จำนวน 8 ลำแล้ว ผมจึงได้คุยกับทางเอกอัครราชทูตปากีสถานประจำประเทศไทย ขอให้นำเรือดำน้ำรุ่นนี้ลงดำ แล้วประเมินผลด้วยหลักสากล และขอให้ผมรับรู้ด้วยได้หรือไม่ ถ้าลงน้ำและใช้ไปแล้ว 3-4 เดือน เรือดำน้ำรุ่นนี้ไม่มีปัญหาอะไร ก็จะสามารถตอบได้ว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ถึงแม้จะเป็นสาระสำคัญของสัญญา ก็สามารถทดแทนได้ และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ถ้าได้คำตอบตนก็จะได้มีอะไรไปบอก เพื่อลงนามได้” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ถ้าสิ่งเหล่านี้มันเคลียร์เงื่อนไขสำคัญ ที่ทำให้เราตัดสินใจยอมรับ เพราะเรือดำน้ำทำไปแล้ว 80% อู่จอดเรือก็ทำไปแล้ว กำลังพลกองเรือดำน้ำ ก็ได้ส่งไปเรียน และได้ตั้งหน่วยขึ้นมาแล้ว เงินทั้งหมดที่จ่ายไป ถ้าทิ้งไปก็ไม่มีเงินมาคืน เท่ากับทิ้งเงิน 8,000 ล้านบาทไป ราคาเรือดำน้ำ 13,000 ล้านบาท เหลืออีก 20% จ่ายเงินก็จะได้ของมา ถ้าไม่เอาก็ทิ้งไป จึงต้องกลับมาดูว่ามันคุ้มค่าหรือไม่
“ถ้าจำเป็นก็จะกลับมาดูว่าไม่ซื้อทั้ง 3 ลำได้หรือไม่ เราต้องมาเคลียร์กระบวนการนี้ใหม่” นายภูมิธรรม กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ธ.ค. 67)
Tags: จิรพล ว่องวิทย์, ภูมิธรรม เวชยชัย, เรือดำน้ำ, โครงการเรือดำน้ำ