ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินกล่าวว่า ขณะนี้ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสาเหตุของโศกนาฏกรรมเครื่องบิน Jeju Air โดยตั้งข้อสงสัยว่าการชนกับนกตามที่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ระบุนั้นส่งผลมากเพียงใดจนทำให้เครื่องบินประสบอุบัติเหตุไถลออกนอกรันเวย์และพุ่งชนรั้วกั้นที่สนามบินนานาชาติมูอัน เกิดระเบิดและเพลิงลุกไหม้เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (29 ธ.ค.)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การที่ระบบฐานล้อ (landing gear) ไม่กางในจังหวะที่เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 แบบเครื่องยนต์คู่ของ Jeju Air ร่อนลงจอดจนทำให้ส่วนท้องของเครื่องครูดไปตามรันเวย์ และรายงานเกี่ยวกับการชนของนก ล้วนก่อให้เกิดคำถามที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้
เกรกอรี อาเลจิ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินและอดีตครูที่โรงเรียนนายเรืออากาศอิตาลี กล่าวว่า “ในขณะนี้มีแต่คำถามมากกว่าคำตอบ ว่า ทำไมเครื่องบินจึงแล่นไปเร็วมาก ทำไมส่วนปลายปีกเครื่องบิน (flap) ไม่กางออก ทำไมฐานล้อลงจอดไม่กางออก”
เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กำลังสอบสวนอุบัติเหตุที่เกิดกับเที่ยวบิน 7C2216 ของสายการบิน Jeju Air รวมถึงผลกระทบจากความเป็นไปได้ที่จะเกิดจากการชนของนก และสภาพอากาศ โดยอุบัติเหตุครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 179 คน จากผู้โดยสารและลูกเรือรวมทั้งหมด 181 คน
ทางด้านจู จองวาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ความยาวของรันเวย์ (2,800 เมตร) ไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ และกำแพงที่ปลายรันเวย์ถูกสร้างตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
คริสเตียน เบคเกิร์ต ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยการบินและนักบินของสายการบินลุฟท์ฮันซ่า กล่าวว่า ภาพวิดีโอบ่งชี้ว่านอกจาก reverser แล้ว ระบบเบรกส่วนใหญ่ของเครื่องบินไม่ได้ถูกเปิดใช้งาน ทำให้เกิด “ปัญหาใหญ่” และทำให้การลงจอดเป็นไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เบคเกิร์ตยังกล่าวด้วยว่า การชนของนกไม่น่าจะทำให้ฐานล้อลงจอดเสียหายในขณะที่ยังไม่กางออก
ทั้งนี้ ภายใต้กฎการบินระหว่างประเทศ เกาหลีใต้จะเป็นผู้นำการสอบสวนทางแพ่ง และคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐฯ เข้ามามีส่วนร่วม เนื่องจากเครื่องบินผลิตในสหรัฐฯ
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า อุบัติเหตุทางอากาศมักเกิดจากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน และอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการรวบรวมลำดับเหตุการณ์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ธ.ค. 67)
Tags: jeju air, เครื่องบินตก