ตร. เตรียมจัดกำลังดูแลความปลอดภัยประชาชน ฉลองเคาท์ดาวน์ปีใหม่ 49 แห่งทั่วไทย

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 สำหรับการเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล และอุปกรณ์งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.67 ถึงวันที่ 5 ม.ค.68 โดยเตรียมพร้อมกำลังพลและชุดเคลื่อนที่เร็วทั่วประเทศ กว่า 40,000 นาย มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัด รวม 4,068 จุดทั่วประเทศ เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง ในส่วนของโครงการร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0) จำนวน 10,479 หลัง คืนบ้านแล้ว 108 หลัง คงเหลือ 10,371 หลัง พบว่าทุกหลังปกติและเรียบร้อยดี

ส่วนสถานที่จัดงานเคาท์ดาวน์ขนาดใหญ่ 49 แห่งทั่วประเทศนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 พร้อมหน่วยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรแล้วในทุกจุด โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศกว่า 20,000 นาย ในการปฏิบัติ รวมเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติทุกมิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ กว่า 60,000 นาย

ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้กำชับสั่งการไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ในประเด็นสำคัญดังนี้

1. ให้ผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับการ/หัวหน้าหน่วย ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทาง ปริมาณรถ ปรับแผนการปฏิบัติให้สอดคล้องกับข้อมูลและแผนในภาพรวม โดยพิจารณาเส้นทางหลัก เส้นทางรอง การเกิดอุบัติเหตุ สภาพพื้นที่หรือการจัดงาน

2. กำชับหน่วยต่าง ๆ ให้มีผลการปฏิบัติใน 10 ข้อหาหลักอย่างต่อเนื่อง จริงจัง เน้นการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุ กำชับการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตามหลักยุทธวิธีและกฎหมาย ห้ามมิให้มีการเรียกรับ ยอมรับ ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่น ๆ รวมทั้งใช้กิริยาวาจาที่สุภาพ และเป็นมิตรกับประชาชน

3. โครงการร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0) ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 จัดกำลงสายตรวจให้เหมาะสม กำหนดวงรอบ และวางมาตรการป้องกันเหตุ ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบการปฏิบัติและวางแผนการปฏิบัติในภาพรวม เพื่อให้มีการตรวจตราอยางต่อเนื่อง

4. ให้ผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับการ/หัวหน้าหน่วย ศปก.สน. บริหารจัดการพื้นที่ในการจัดงานเคาท์ดาวน์ให้เหมาะสม มีการคัดกรองบุคคล เส้นทางฉุกเฉิน การเข้าระงับเหตุในพื้นที่ อย่าให้แออัด ปริมาณคนต้องเหมาะสมกับพื้นที่

5. ให้กำหนดมาตรการตรวจสอบสถานบริการ ร้านอาหาร สถานที่จัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนการตรวจสอบทางเข้า-ออก เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน และการตรวจสอบความผิดเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน

6. ให้หน่วยที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และการขนยาเสพติดตามแนวชายแดน เส้นทางหลัก/รอง/เลี่ยง โดยเน้นการสืบสวนหาข่าว และการตั้งจุดตรวจ

7. ให้โรงพยาบาลตำรวจ, กองบินตำรวจ, สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ, ชุดปฏิบัติการพิเศษ EOD ฝ่ายสนับสนุนต่าง ๆ จะต้องเตรียมความพร้อมรองรับการปฏิบัติได้ทันที

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้สรุปปริมาณการจราจรขาเข้า-ขาออกกรุงเทพมหานคร บนถนนหลวงสายหลัก และมอเตอร์เวย์ 11 เส้นทาง พบว่า ล่าสุดวันที่ 28 ธันวาคม 2567 มีปริมาณรถเดินทางออกสูงสุด โดยมีจำนวน 700,126 คัน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติ 26.4% และเพิ่มขึ้น 28.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คาดว่าวันนี้จะมีปริมาณรถขาออกลดลง

ส่วนสภาพการจราจรหนาแน่น พบว่าอยู่ในช่วงสายอีสาน บริเวณ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และ ถ.มิตรภาพ ช่วงเนินกลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พบว่าปริมาณรถยังหนาแน่น แต่เคลื่อนตัวได้ ซึ่งทั้งสองจุดตำรวจทางหลวงเตรียมเปิดช่องทางพิเศษ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันปริมาณรถเบาบางลง คาดวันนี้ไม่เกินเวลา 12.00 น. วันนี้จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ส่วนเส้นทางขาออกสายเหนือ สายตะวันตก และสายตะวันออก รถเคลื่อนตัวได้ดีในทุกเส้นทาง

นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังมีโครงการนำอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก (โดรน) เพื่อตรวจการจราจรทางอากาศ ซึ่งโดรนจะบินตรวจการจราจรในจุดต่าง ๆ และรายงานมายังศูนย์ฯ เพื่อรับทราบปัญหาแบบเรียลไทม์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ธ.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top