นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยถึงการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านว่า เป็นความปรารถนาดีที่นายทักษิณ มองเห็นว่าเป็นปัญหาหนึ่งที่ต้องได้รับการแก้ไข และต้นตอของปัญหาส่วนหนึ่งก็อยู่ต่างประเทศหรือที่ปอยเปต แล้วก็เป็นที่ทราบกันดีว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ใช้สถานที่นั้นเป็นสถานที่ปฏิบัติการ ทุกคนทราบปัญหานี้ดีและต้องมีการแก้ไขปัญหา ทางกระทรวงดีอีไม่ได้นิ่งนอนใจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ ทั้งนี้ได้มีการพูดคุยกับทางประเทศกัมพูชาตลอดอยู่แล้ว
โดยเรื่องนี้มีการทำงานร่วมกันของระดับปฏิบัติการ คือ ฝ่ายความมั่นคงของไทยและกัมพูชา รวมถึงมีการทำงานร่วมกันของฝ่ายนโยบาย โดยอยากให้เห็นผลเป็นรูปธรรมในปี 68 เพราะเรื่องนี้กัดกร่อนคนไทยกันมานานแล้ว
นายประเสริฐ กล่าวว่า ได้ประสานกับทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)และ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในการปราบปรามตามแนวตะเข็บชายแดน ซึ่งขณะนี้มิจฉาชีพมิจฉาชีพใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำ อย่าง สตาร์ลิ้งค์เข้าไปยิงสัญญาณอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นปัญหาที่ตามจับอยู่ ส่วนเรื่องที่มีการลอบวางสายสัญญาณเล็ดลอดออกไปนั้นก็มีการตรวจสอบอยู่ตลอด เรียกได้ว่ามีการปฏิบัติงานอยู่ทุกเดือน
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับการหน่วงเงินนั้นเป็นข้อเสนอที่หลายฝ่ายอยากให้เกิดขึ้น ตนจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตอนนี้เราเสนอร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาอยู่ในหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดำเนินการธุรกรรมของสินทรัพย์ดิจิทัล เรื่องของการเพิ่มโทษ เรื่องของการเยียวยา และเรื่องสุดท้ายคือ การมีความรับผิดชอบของธนาคารพาณิชย์กับผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณ ซึ่งก็จะต้องมีการลงในรายละเอียดต่อไป โดยต้องดูว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเกิดจากระบบธนาคารมีความไม่ปลอดภัย หรือเพราะประชาชนมีความประมาท อันนี้ต้องดูเหตุผลด้วย แต่ปีหน้าเห็นการแก้ไขแน่นอน ซึ่งร่าง พ.ร.ก.นี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้วตั้งแต่เดือน พ.ย.67 ถ้าหากเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค.68 ก็คงจะดี เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ธ.ค. 67)
Tags: กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, ดีอี, ประเสริฐ จันทรรวงทอง, แก๊งคอลเซ็นเตอร์