น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านผู้สูงอายุบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็น และเป็นการยกระดับที่ดีขึ้น
โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ที่มีสัญชาติไทย และมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และเริ่มจ่ายเงินให้กับกลุ่มเป้าหมายจำนวน 10,000 บาท/คน โดยให้เร่งจ่ายครั้งแรกในเดือนม.ค. 68 ผ่านทางบัญชีพร้อมเพย์ ส่วนเฟส 3 จะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วง ไตรมาส 2 ของปี 68
และ ครม. เห็นชอบมาตรการ Easy e-receipt 2.0 เพื่อเป็นการกระตุ้นภายในประเทศในปี 2568 ผ่านการส่งเสริมการบริโภคสินค้าและบริการ โดยผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และสามารถลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการได้สูงสุดรวม 50,000 บาท
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุม ครม. ครั้งนี้เป็นครม.ส่งท้ายปี ประชุมครั้งสุดท้ายก่อนปีใหม่ โดยสั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอในช่วงปีใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยในการเดินทาง พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ได้ให้แต่ละกระทรวงจัดเตรียมของขวัญปีใหม่มอบให้กับประชาชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งแต่รัฐบาลทำงานได้มีนโยบายต่าง ๆ ที่กระตุ้นเศรษฐกิจให้ภาคธุรกิจและประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยในงบประมาณปีหน้าจะมีงบฯมากขึ้น และมีการขาดดุลการคลังลดลง ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี แต่ตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจหลาย ๆ ตัวต้องมีการเร่งรัดให้เกิดการแข่งขันให้เพิ่มขึ้น จึงได้ฝากข้อสังเกตให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและกระทรวงการคลัง ดำเนินการดังต่อไปนี้
1. ให้กระทรวงการคลังเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ให้เหมาะสมสอดคล้องกับประเทศที่มีระดับรายได้ที่ใกล้เคียงกัน
2. ให้หน่วยงานที่รับงบเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณให้มีความคุ้มค่าและประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
3. ให้หน่วยรับงบนำเงินนอกงบประมาณ เงินรายได้ หรือเงินที่สะสมดำเนินการตามภารกิจเป็นอันดับแรก
4. ให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนและงบรัฐวิสาหกิจ และสนับสนุนให้วิสาหกิจลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเป้าหมายเศรษฐกิจปี 68 ว่า แต่ละไตรมาสมีการคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้หันไปถามนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ว่าจะเกินเท่าไรดี ก่อนจะตอบว่าหวังให้เกิน 3% แน่นอน แต่ละไตรมาสเราดันได้แค่ไหน เราก็พยายามจะผลักดันให้สุด ต้องผลักดันไปทุกไตรมาสจะได้ต่อเนื่อง
ส่วนเป้าหมายจะเป็นไปตามที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป้าหมายที่สูง ไม่ว่าใครจะพูด เราก็อยากไปตรงนั้นอยู่แล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 67)
Tags: GDP, กระตุ้นเศรษฐกิจ, ประชุมครม., มติคณะรัฐมนตรี, แพทองธาร ชินวัตร