ปิดจ๊อบ! แจกเงินหมื่นเฟสแรก ถึงมือกลุ่มเปราะบาง 99.19% เงินสะพัด 1.44 แสนลบ.

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการจ่ายเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายโครงการ รวมประมาณ 14.55 ล้านคน ว่า กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางได้จ่ายเงิน 10,000 บาทต่อราย ให้แก่กลุ่มเป้าหมายตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 67 ถึงวันที่ 19 ธ.ค. 67 โดยมียอดรวมที่จ่ายเงินสำเร็จแล้ว เป็นจำนวนทั้งสิ้น 14,450,168 ราย

ทั้งนี้ ในรอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 67 กรมบัญชีกลาง ได้สั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการที่มีสิทธิ จำนวน 50,228 ราย โดยประกอบด้วย การจ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิที่ยังจ่ายเงินไม่สำเร็จในรอบการจ่ายเงินที่ผ่านมา และการจ่ายเงินให้แก่คนพิการที่ได้ดำเนินการต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ หรือทำบัตรประจำตัวคนพิการ หรือแก้ไขข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ดี พบว่าในรอบการจ่ายเงินซ้ำดังกล่าว ยังมีการจ่ายเงินไม่สำเร็จจำนวน 37,685 ราย เนื่องจากสาเหตุดังนี้

1. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายเงินไม่สำเร็จจำนวน 33,767 ราย สาเหตุหลักเนื่องจากยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน 30,842 ราย รองลงมา คือ บัญชีเงินฝากธนาคารไม่มีการเคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด ไม่มีบัญชีเงินฝากธนาคาร และเลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง รวมกัน 2,925 ราย

2. คนพิการ จ่ายเงินไม่สำเร็จจำนวน 3,918 ราย สาเหตุหลักเนื่องจากยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน 3,834 ราย รองลงมา คือ บัญชีเงินฝากธนาคารไม่มีการเคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง และไม่มีบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมกัน 84 ราย

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ภายหลังจากการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.67 ถือได้ว่ากระทรวงการคลังได้ดำเนินการจ่ายเงินให้กลุ่มเป้าหมายเสร็จสิ้นแล้ว ตามเงื่อนไขของโครงการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ความเห็นชอบไว้ กล่าวคือ “เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ”

นายพรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการดำเนินโครงการฯ ภาครัฐได้จ่ายเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเป้าหมายแล้วรวมทั้งสิ้น 14,450,168 ราย หรือคิดเป็น 99.19% ของกลุ่มเป้าหมายที่ ครม.ได้อนุมัติไว้ ทำให้มีเม็ดเงินจากโครงการฯ หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 144,501.68 ล้านบาท

สำหรับผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ที่ได้รับสิทธิในโครงการฯ จำนวน 31,500 ราย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า กลุ่มเป้าหมายมีการแบ่งสัดส่วนการใช้จ่ายเงิน 10,000 บาท ไปกับการใช้จ่ายของครัวเรือนเป็นหลักกว่า 75% โดยมีการใช้จ่าย 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ซื้ออาหารและเครื่องดื่ม 2. ซื้อของใช้ในครัวเรือน และ 3. ชำระค่าสาธารณูปโภค

ในขณะที่สถานที่ที่นำเงิน 10,000 บาท ไปใช้จ่าย 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ร้านค้าในชุมชน/ร้านขายของชำ 2. หาบเร่ แผงลอยทั่วไป/ในตลาด และ 3. ร้านสะดวกซื้อ/มินิมาร์ททั่วไป

“สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ของการดำเนินโครงการฯ ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการบรรเทาภาระค่าครองชีพ และเพิ่มศักยภาพของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ ให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ และกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศในช่วงปลายปี 2567” โฆษกกระทรวงการคลัง ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ธ.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top