ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ จะเดินทางไปเยือนกรุงโรมและนครรัฐวาติกันในเดือนหน้า ซึ่งน่าจะเป็นภารกิจในต่างประเทศครั้งสุดท้ายของไบเดนในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่ไบเดนพยายามที่จะเสริมสร้างชื่อเสียงและผลงานของตนบนเวทีโลก
แต่การที่ไบเดนเดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเพื่ออำลาตำแหน่งนั้นอาจเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเป็นการส่วนตัวด้วย เนื่องจากไบเดนเป็นประธานาธิบดีที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิกคนที่ 2 ของสหรัฐฯ และเป็นผู้เคร่งศาสนามากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ โดยไบเดนได้สร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมากเป็นพิเศษตั้งแต่สมัยที่ไบเดนเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ไฮไลต์ของการเดินทางครั้งนี้น่าจะเป็นการที่ไบเดนได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งมีพระชนมายุครบ 88 พรรษาในสัปดาห์นี้
ไบเดนชื่นชมสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมานาน โดยเรียกพระองค์ว่าเป็นบุคคลที่ “มีความเห็นอกเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง” และเป็น “ผู้ที่มีความดีงามอย่างแท้จริงและจริงใจ”
ความสัมพันธ์ของทั้งสองได้เริ่มเบ่งบานในปี 2558 ซึ่งเป็นเวลา 2 ปีหลังจากที่ฟรานซิสขึ้นเป็นสมเด็จพระสันตะปาปา และเป็นเวลา 5 เดือนหลังจากที่โบ ไบเดน บุตรชายคนโตของไบเดนได้เสียชีวิตลง
ไบเดนเล่าย้อนความหลังว่า เขาได้พบกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสที่โรงเก็บเครื่องบินในเมืองฟิลาเดลเฟียระหว่างที่พระองค์เสด็จเยือน และได้พูดคุยกันเกี่ยวกับโบนานถึง 10 หรือ 15 นาที
ไบเดนกล่าวในปี 2564 ว่า “สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเป็นผู้ที่คอยปลอบโยนครอบครัวของผมเมื่อลูกชายของผมเสียชีวิต”
ก่อนหน้านี้ ทั้งสองได้พบกัน 2 ครั้งในช่วงที่ไบเดนดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยครั้งหนึ่งที่นครรัฐวาติกันในปี 2564 และอีกครั้งในเดือนมิ.ย. 2566 ที่การประชุมสุดยอดกลุ่ม G7 ในภาคใต้ของอิตาลี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ธ.ค. 67)
Tags: กรุงโรม, นครรัฐวาติกัน, ประธานาธิบดีสหรัฐ, สมเด็จพระสันตะปาปา, สหรัฐ, โจ ไบเดน