นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ร่วมกับคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย ร่วมกันพัฒนาและจัดทำบริการข้อมูลการค้าสินค้าอาหารแห่งอนาคต ในรูปแบบ “คิดค้า Briefing” ย่อยข้อมูลการค้าเชิงลึกรูปแบบการเล่าเรื่อง (Data Storytelling) หัวข้อ “ถอดรหัสอาหารแห่งอนาคต” โดยนำเสนอข้อมูลการค้าสินอาหารอนาคตในภาพรวม และ 4 กลุ่มสินค้าย่อย ได้แก่ 1. อาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและสารประกอบเชิงฟังก์ชัน 2. อาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคล 3. โปรตีนทางเลือก และ 4. ผลิตภัณฑ์อินทรีย์และอาหารไม่ปรุงแต่ง
ทั้งนี้ เป็นการเน้นให้ข้อมูลปริมาณ และมูลค่าการค้า อัตราการเติบโต และตลาดสำคัญของสินค้าแต่ละกลุ่ม นำเสนอข้อมูลแบบเข้าใจง่ายและใช้งานสะดวก โดยเปิดตัวให้บริการแล้วบนเว็บไซต์ คิดค้า.com
ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า ข้อมูลภาพรวมการค้าสินค้าอาหารแห่งอนาคตของไทย จากแดชบอร์ดอาหารแห่งอนาคต พบว่า 10 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-ต.ค.) การส่งออก มีมูลค่า 3,794.39 ล้านเหรียญสหรัฐ (134,253 ล้านบาท) ขยายตัว 10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วน 9.7% ของการส่งออกสินค้าอาหารทั้งหมดของไทย โดยการส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและสารประกอบเชิงฟังก์ชัน มีสัดส่วนถึง 90.8% ของการส่งออกสินค้าอาหารอนาคตทั้งหมดของไทย
สำหรับตลาดส่งออกสินค้าอาหารอนาคตที่สำคัญ 5 อันดับแรกของไทย ได้แก่ สหรัฐฯ (สัดส่วน 15.0%) จีน (10.7%) เวียดนาม (9.9%) กัมพูชา (7.5%) และเมียนมา (6.8%) ตามลำดับ การนำเข้า มีมูลค่า 1,811.21 ล้านเหรียญสหรัฐ (64,853.49 ล้านบาท) ขยายตัว 12.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แหล่งนำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ (สัดส่วน 39.6%) จีน (10.9%) สหรัฐฯ (10.1%) อินโดนีเซีย (6.0%) และญี่ปุ่น (3.7%)
หากพิจารณาเป็นรายกลุ่มสินค้าย่อย 4 กลุ่ม พบว่า
1. กลุ่มอาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและสารประกอบเชิงฟังก์ชัน การส่งออก มีมูลค่า 3,446.06 ล้านเหรียญสหรัฐ (121,930.96 ล้านบาท) ขยายตัว 12.0% โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญในกลุ่มนี้ อาทิ ซอสและของปรุงแต่งสำหรับทำซอส น้ำดื่มผสมวิตามิน และน้ำผลไม้ เป็นต้น
ตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ สหรัฐฯ (สัดส่วน 15.9%) จีน (11.1%) และเวียดนาม (10.8%) การนำเข้า มีมูลค่า 1,740.06 ล้านเหรียญสหรัฐ (62,300.90 ล้านบาท) ขยายตัว 12.3% ส่วนใหญ่นำเข้าจากสิงคโปร์ สัดส่วน 40.4% ของการนำเข้าทั้งหมด
2. กลุ่มอาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคล การส่งออก มีมูลค่า 164.22 ล้านเหรียญสหรัฐ (5,817.82 ล้านบาท) ขยายตัว 4.0% มากกว่าครึ่งเป็นการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซีย (สัดส่วน 32.7%) สปป.ลาว (14.8%) เมียนมา (13.5%) และกัมพูชา (9.1%) การนำเข้า มีมูลค่า 45.56 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,636.68 ล้านบาท) ขยายตัว 11.1% แหล่งนำเข้าสำคัญ อาทิ สิงคโปร์ (สัดส่วน 32.4%) นิวซีแลนด์ (12.9%) และเยอรมนี (10.1%)
3. โปรตีนทางเลือก การส่งออก มีมูลค่า 147.41 ล้านเหรียญสหรัฐ (5,202.36 ล้านบาท) หดตัว 8.0% ตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ เมียนมา (สัดส่วน 23.0%) กัมพูชา (17.0%) จีน (13.1%) สปป.ลาว (10.9%) และฟิลิปปินส์ (7.1%) การนำเข้า มีมูลค่า 25.48 ล้านเหรียญสหรัฐ (911.72 ล้านบาท) ขยายตัว 1.8% เป็นการนำเข้าจากจีนประมาณครึ่งหนึ่งของการนำเข้าทั้งหมด
4. ผลิตภัณฑ์อินทรีย์และอาหารไม่ปรุงแต่ง การส่งออก มีมูลค่า 36.71 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,302.75 ล้านบาท) หดตัว 29.9% เกือบครึ่งหนึ่งของการส่งออกเป็นการส่งออกไปยังสหรัฐฯ (สัดส่วน 45.8%) โดยมีข้าวเจ้าขาวหอมมะลิอินทรีย์ และกะทิสำเร็จรูป เป็นสินค้าสำคัญที่ส่งออกไปสหรัฐฯ การนำเข้า มีมูลค่า 118,646.04 เหรียญสหรัฐ (4.19 ล้านบาท) หดตัว 33.9% ส่วนใหญ่นำเข้าจากอินเดีย และอินโดนีเซียเป็นหลัก สัดส่วน 59.3% และ 34.6% ตามลำดับ
“อาหารอนาคต เป็นสินค้าดาวรุ่ง ที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นสินค้าพื้นฐานของไทย และเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ไทยมีศักยภาพ” นายพูนพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ การให้บริการข้อมูลการค้าสินค้าอาหารอนาคต “คิดค้า Briefing” หัวข้อ “ถอดรหัสอาหารแห่งอนาคต” จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยกำหนดนโยบายเศรษฐกิจการค้าของประเทศ และเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ ใช้ประกอบการตัดสินใจวางแผนกลยุทธ์การค้า ตามนโยบาย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่เน้นการทำงานเชิงรุก และสนับสนุนธุรกิจและสินค้าใหม่ ๆ รวมถึงเป็นการขานรับกับนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกของรัฐบาล และการผลักดันให้ไทยเป็นคลังอาหาร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับความมั่นคงทางอาหารโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ธ.ค. 67)
Tags: กระทรวงพาณิชย์, พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์, สนค., อาหาร