หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าพักตัวหลังเฟดส่งสัญญาณชะลอหั่นดอกเบี้ยปีหน้า บอนด์ยีลด์เด้งดอลล์แข็งค่ากดดัน

หุ้น ตลาดหุ้น

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีพักตัว ตามตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากที่ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาตลาดตีความในมุม Hawkish คือลดดอกเบี้ยในรอบนี้แต่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยช้าลงในปีหน้า เหลือ 2 ครั้ง จากเดิมคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นตัวได้ดี ขณะที่เงินเฟ้ออาจจะปรับตัวลงช้ากว่าคาดการณ์ของเฟดในรอบเดือนก.ย.

โดยตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อวานนี้ปรับตัวลงเฉลี่ยประมาณ 3% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรฐบาลสหรัฐ 10 ปี (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 12 bps รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ส่ง Sentiment เชิงลบกับตลาดหุ้นไทยได้

ขณะที่ปัจจัยในประเทศการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวานนี้ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ย 2.25% ตามคาด นอกจากนี้กนง.ยังมองเศรษฐกิจฟื้นตัวอยู่ และในปี 68 การขับเคลื่อนจะมาจากภาคการลงทุนเอกชนและภาครัฐ รวมทั้งแรงหนุนจากการท่องเที่ยว โดยมองเป็นกลางต่อผลการประชุมเมื่อวานนี้ ทั้งนี้หากมองในมุมเศรษฐกิจยังไม่ได้เห็นสัญญาณลบ

พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,380 จุด และแนวต้าน 1,400 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (18 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,326.87 จุด ลดลง 1,123.03 จุด หรือ -2.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,872.16 จุด ลดลง 178.45 จุด หรือ -2.95% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,392.69 จุด ลดลง 716.37 จุด หรือ -3.56%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวที่ระดับ 38,522.27 จุด ลดลง 559.44 จุด หรือ -1.43% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,610.10 จุด ลดลง 254.45 จุด หรือ -1.28% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,355.90 จุด ลดลง 26.31 จุด หรือ -0.78%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ธ.ค.) ที่ 1,398.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.38 จุด (+0.24%) มูลค่าการซื้อขายราว 47,902.52ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (18 ธ.ค.) 366.69 ล้านบาท

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (18 ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.71% ปิดที่ 70.58 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ธ.ค.) อยู่ที่ 5.46 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.58 อ่อนค่ารับบอนด์ยีลด์หนุนดอลลาร์แข็งค่า หลังคาดเฟดชะลอลดด.ปีหน้า

– กนง.เอกฉันท์คงดอกเบี้ยที่ 2.25% เชื่อเงินเฟ้อเข้ากรอบ 1.1% ปีหน้า รอดูผลแก้หนี้ และความไม่แน่นอนในตลาดโลก ด้าน “ดร.จิติพล” ลั่นเงินเฟ้อปีหน้ายังต่ำ คาดลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง รับนโยบายการเงินดันเศรษฐกิจยาก ต้องใช้คลังนำ เชื่อหุ้นไทยปีหน้าไปได้ ด้าน TISCO ESU สวนทางลดน้ำหนักหุ้นไทย ลุยสหรัฐ-ญี่ปุ่น

– ศาลสั่ง “เสี่ยเอ” เป็นบุคคลล้มละลายคดี STARK หลังธนาคารยูโอบีเป็นโจทก์ฟ้องเรียกชำระหนี้ 3,510 ล้านบาท เข้าข่ายหนี้สินล้นพ้นตัว ฟากผู้เสียหายจากสตาร์ค 4,500 รายเคว้ง.! กังขา “วนรัชต์” ล้มบนฟูก หลังพ้น 3 ปี กลับมาใช้ชีวิตปกติ ส่วนคดีฟ้องแพ่งถูกคัดคดีออกหมด ศาลฯ ระบุเรียกร้องต่อไม่ได้แล้ว

– 4 หุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 ตามคาด BANPU CCET COM7 SAWAD ส่วน SET100 คือ CCET COCOCO JTS และ PR9 ด้านปลัดคลัง และ “ชวินดา” ยืนยัน เงินกองทุนวายุภักษ์ฯ ยังลงทุนไม่หมด พร้อมซื้อหุ้นเพิ่ม เผยดัชนีหลุด 1,400 จุด เป็นระดับที่น่าลงทุน

– “ประเสริฐ” ปลัดพลังงานในฐานะ ปธ.บอร์ด กฟผ. ชี้การระงับจัดซื้อจัดจ้างขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะสัญญา 8/1 ฉุดกำลังผลิตไฟฟ้าหาย 600-800 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ต้องสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าก๊าซฯทดแทนและต้องนำเข้า LNG เป็นมูลค่า 1,380 ล้านบาท ดันค่าไฟขึ้น 8 สต./หน่วย

– จับตาระเบิดเวลา “บล.แซดคอม” หลังกลุ่มลูกค้าร้องสื่อ “เนชั่น” ถูกบังคับให้ชำระคืนหนี้ ภายใน 20 ธ.ค. นี้ ไม่เช่นนั้นบัญชีมาร์จิน “ถูกบังคับขาย” ทั้งหมด มูลค่าเฉียด “หมื่นล้าน” ห่วงกระทบต่อ “ตลาดหุ้นไทย” แม้กลุ่มนักลงทุนเจรจานับ 10 ครั้ง แต่ไร้ผล เร่งขอให้ “ก.ล.ต.-ตลท.” เข้าช่วยด่วน ล่าสุด “แซดคอม” รายงานผ่านหน้าเฟซบุ๊กยอดหนี้รวม ของบัญชีมาร์จินราว 800 ล้านบาท

– ประธาน กกต.ระบุ ไม่มีอำนาจสั่ง “ทักษิณ” ให้ถ้อยคำปมถูกร้องครอบงำ พท.-พรรคร่วม แต่หากให้ข้อมูล จะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและพรรคการเมือง เผยพร้อมสอบ พท.ใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองจัดสัมมนาพรรคถูกต้อง หรือไม่ ด้านนายกฯ อิ๊งค์ ทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือจาก กกต. เรียกแจงปม “ทักษิณ” ครอบงำพรรค

– คำร้องมีมูล แพทยสภาฯสั่งพิจารณาจริยธรรมกรณี “ทักษิณ” แจ้ง รพ.ตร.ส่งหลักฐาน 15 ม.ค.68 “ไพศาล พืชมงคล” โพสต์ เปิด “หลักฐานเด็ด” ไม่ขออนุญาตนำผู้ต้องขังออกนอกเรือนจำ โทษคุก-ไม่มีสิทธิ์ “พักโทษ” “แก้วสรร” ชี้หากพบกระบวนการช่วยเหลือ ศาลฎีกานักการเมืองสั่งจับ “ทักษิณ” กลับขังคุกได้ โดยไม่ต้องรอ ป.ป.ช.ชี้มูล “จตุพร” แนะใช้ ม.157 ขู่ เรียกเวชระเบียน “เลขาฯ ป.ป.ช.” ขออย่ากังวล ทำหน้าที่ตามพยานหลักฐาน รับอาจไม่ถูกใจบางคน “ทวี” ยันทำตามระเบียบถูกต้อง ส่ง “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 ศาล รธน.ตีตกคำร้อง รมว.ยุติธรรมราชทัณฑ์ เอื้อ “ทักษิณ” นอนชั้น 14

– โค้งสุดท้ายก่อนจบปี 2567 สถานการณ์การเมืองยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง จนทะลุไปถึงต้นปี 2568 อย่างแน่นอน เพราะยังมีอีกหลายปมร้อนที่ “รัฐบาล” ยังไม่สามารถทำตามที่ “หาเสียง” เอาไว้ได้อย่าง เป็นรูปธรรม แม้ว่า “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร จะแถลงผลงาน 90 วันของรัฐบาลมาแล้วก็ตาม

หุ้นเด่นวันนี้

– SHR (กสิกรไทย) “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 3.50 บาท เรามีมุมมองเช็งบวกต่อ SHR จากการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/67 ถึงปี 68 หลังโรงแรม SAii Laguna Phuket กลับมาเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม และคาดว่าจะไม่มีแผนปิดปรับปรุงโรงแรมขนาดใหญ่ในปี 68 บริษัทจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง โดยคาดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 5-10% ในไตรมาส 4/67 และลดลง 8-10% ในปี 68 นอกจากนี้คาดรายได้ต่อห้องพักในปี 68 จะเติบโต 5-10% นำโดยโรงแรมในไทยและมอริเชียส โดยมูลค่าหุ้นยังอยู่ในระดับไม่สูงเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตตั้งแต่ปี 68

– SPA (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.60 บาท บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิ 82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +32%(QoQ, โดยรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น QoQ จากการขยายสาขาใหม่ ซึ่งบันทึกต้นทุนไปมากแล้วในไตรมาส 2/67 ส่วน YoY fat เพราะภาษีจ่ายสูงขึ้นในอัตราปกติ ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดเติบโตต่อเนื่อง QoQ, YoY จากช่วง high season ท่องเที่ยว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นคิดเป็นรายได้ส่วนใหญ่ราว 70% แนวโน้ม GPM ดีขึ้นจากการประหยัดต่อขนาด ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 77 สาขาและจะเพิ่มในไตรมาส 4/67 อีก 3 สาขา ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 312 ล้านบาท -6%YoY และ 369 ล้านบาท (+18%YoY) ตามลำดับ

– KTB (ฟินันเซียไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท เราคาดว่า KTB จะได้รับประโยชน์จากรอบการลงทุนใหม่ในปีหน้าจากทั้งภาครัฐและเอกชนขณะเดียวกัน คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารมีความน่ากังวลน้อยกว่าธนาคารขนาดใหญ่อื่น ๆ โดยคาดว่าอัตราส่วน NPL จะลดลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับต้นทุนด้านสินเชื่อที่ปรับลดลง, เราคงประมาณการสำหรับปี 67-69 +3.2% CAGR ขณะที่ Valuation ยังค่อนข้างถูก เทรด P/BV อยู่ที่ 0.7 เท่า นอกจากนี้การคงดอกเบี้ยของกนง.และโมเมนตัมจาก FED ที่ลดดอกเบี้ยช้าลง คาดช่วยจำกัด Downside ของกลุ่มธนาคาร

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ธ.ค. 67)

Tags: ,
Back to Top