สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานในวันนี้ (13 ธ.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษ ลดลง 0.1% ในเดือนต.ค. หลังจากหดตัวในอัตราเดียวกันในเดือนก.ย. และยังต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะขยายตัว 0.1%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เศรษฐกิจอังกฤษภายใต้การบริหารของพรรคแรงงานยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง โดย GDP หดตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนต.ค. เนื่องจากประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย ก่อนการประกาศงบประมาณที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพ
นับตั้งแต่พรรคแรงงานคว้าชัยการเลือกตั้งแบบถล่มทลายเมื่อวันที่ 4 ก.ค. เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวเพียงหนึ่งเดือนจากทั้งหมด 4 เดือน โดยภาคบริการทรงตัวเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่ผลผลิตทั้งในภาคการผลิตและภาคการก่อสร้างหดตัว
รัฐบาลใหม่ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นตลาดแรงงานที่เริ่มชะลอตัว ราคาพลังงานและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจอาจผลักภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภคผ่านการปรับขึ้นราคาสินค้าและลดการจ้างงาน
นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกอาจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหากเกิดสงครามการค้าครั้งใหม่ในปีหน้า อันเนื่องมาจากการกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ ในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังของอังกฤษระบุว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมานั้นน่าผิดหวัง แต่ย้ำว่ารัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพราะการเติบโตที่แข็งแกร่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจอังกฤษชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดหลังเคียร์ สตาร์เมอร์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดย GDP ไตรมาส 3/67 ขยายตัวเพียง 0.1% ต่างจากครึ่งปีแรกที่เติบโตแซงหน้ากลุ่มประเทศ G7 ทั้งหมดที่ 1.2%
ตัวเลข GDP ที่หดตัวในเดือนต.ค.สร้างความกังวลต่อภาพรวมไตรมาส 4/67 แม้นักวิเคราะห์ยังคาดว่าจะเติบโต 0.3-0.4% และรักษาระดับการเติบโตนี้ต่อเนื่องในอีกสองปีข้างหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 67)
Tags: GDP, อังกฤษ, เศรษฐกิจอังกฤษ