ลุ้นศาลฯไต่สวนแก้แผนฟื้นฟู THAI พรุ่งนี้เก็งยื่นแย้งคลังหมดสิทธิ์เป็นเจ้าหนี้แล้ว

พรุ่งนี้ศาลล้มละลายกลางนัดไต่สวนการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการของ บมจ.การบินไทย ที่เจ้าหนี้ลงมติเมื่อ 29 พ.ย.67 โดยมีประเด็นหลักเรื่องการเพิ่มผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการอีก 2 ราย ได้แก่ นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม และนายพลจักร นิ่มวัฒนา รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ซึ่งประเด็นนี้มีคะแนนเสียงที่เห็นด้วยผ่านฉิวเฉียด 50.4% ส่วนผู้ไม่เห็นด้วย 49.6%

นอกจากนี้มีประเด็นการลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) เพื่อล้างขาดทุนสะสมเปิดทางให้จ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น

แหล่งข่าวจากการบินไทย กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้คาดว่าจะมีเจ้าหนี้หลายรายยื่นคำร้องคัดค้านมติที่ประชุมเจ้าหนี้ดังกล่าว โดยเห็นว่ากระทรวงการคลังไม่ได้อยู่ในสถานะเจ้าหนี้ในวันที่โหวต เพราะมีการแปลงหนี้เป็นทุนทั้ง 100% และก็หวั่นเกรงว่าการเพิ่มจำนวนผู้ทำแผนฟื้นฟูฯ จะทำให้มีการแทรกแซงการทำงานจนไปถึงการจัดตั้งคณะกรรมการชุดใหม่

ขณะเดียวกันก็ต้องติดตามผลการขายหุ้นเพิ่มทุนที่จะสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้ด้วย โดยการบินไทยเปิดขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 9,822,473,626 หุ้น ในราคาหุ้นละ 4.48 บาท มูลค่าการเสนอขายประมาณ 44,005 ล้านบาท หากไม่หมด ก็จะมีการนำหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือไปเสนอขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP)

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าว กล่าวว่า นอกจากประเด็นเรื่องรัฐจะเข้าแทรกแซง ก็ยังกังวลว่ากว่าหุ้น THAI ต้องถือไว้นาน 6 เดือนหรือถึงราวไตรมาส 2/68 ที่หุ้น THAI จะกลับมาเทรดในตลาดหุ้นได้ ทั้งหมดก็เป็นความเสี่ยงที่ PP หรือนักลงทุนต้องคำนึงถึงด้วย

ทั้งนี้ บริษัทฯมีขาดทุนสะสมทางภาษีสำหรับผลขาดทุนจากการดำเนินงานในปี 56-66 สุทธิ 64,787.39 ล้านบาท

 

คลัง+หน่วยงานรัฐ ถือรวม 32.16%

 

การบินไทย ระบุว่า การแปลงหนี้เป็นทุนและจดทะเบียนใหม่จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 231,722,181,950 บาท และมีหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมด 23,172,218,195 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 ทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นของ THAI ปรับเปลี่ยน เป็น กระทรวงการคลัง 22.7172% (จากก่อนเข้าฟื้นฟูถือหุ้น 47.86%) รวมกับหน่วยงานของรัฐ จะเป็น 32.1559% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

โดยหน่วยงานรัฐที่เข้าถือ THAI ได้แก่

– ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) 1.7146% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

– ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) 0.7221% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

– บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) 0.5599% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

 

ส่วนรายชื่อเจ้าหนี้ที่แปลงหนี้เป็นทุน ได้แก่

– สหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 6.6377%

– ธนาคารกรุงเทพ (BBL) 10.3507%

– ธนาคารกรุงไทย (KTB ) 5.728%

 

ทั้งนี้ จากการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากการแปลงหนี้เป็นทุนตามที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการ ข้อ 5.6.3 (ก) (ข) และ (ค) ของเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ จำนวน 21,677,214,622 หุ้น ในราคา 2.5452 บาท/หุ้น ประกอบด้วย

1. การแปลงหนี้เดิมของเจ้าหนี้แบบภาคบังคับเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Mandatory Conversion) จำนวนไม่เกิน 14,862,369,633 หุ้น คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 37,828 ล้านบาท

2. การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 4,911,236,813 หุ้น คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 12,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงหนี้เดิมเป็นทุนเพิ่มเติมโดยความสมัครใจ (Voluntary Conversion)

3. การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,903,608,176 หุ้น คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 4,845 ล้านบาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงหนี้ดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นทุนโดยความสมัครใจที่ราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น

โดยเจ้าหนี้สามารถแสดงเจตนาใช้สิทธิแปลงหนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 19-21 พ.ย.67 ปรากฎว่ามีจำนวนหุ้นที่แปลงหนี้เป็นทุน 20,989,446,278 หุ้น คงเหลือ 687,768,344 หุ้น

นางสาวเฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี THAI กล่าวว่า ส่วนแรกที่ให้แปลงหนี้เป็นทุนภาคบังคับ กระทรวงการคลังแปลงหนี้เป็นทุน 100% ส่วนเจ้าหนี้รายอื่นแปลงหนี้เป็นทุน 24.5% โดยจำนวนหุ้นที่เหลืออยู่กว่า 687 ล่านหุ้น มาจากส่วนดอกเบี้ยตั้งพักที่แปลงหนี้เป็นทุนเพียง 2 ใน 3 คิดเป็นเงินประมาณ 1.7 พันล้านบาท

อย่างไรก็ดี THAI ไม่สามารถแปลงหนี้เป็นทุนได้ไม่หมด โดยมูลหนี้ที่เข้าฟื้นฟูกิจการมีอยู่ 1.3 แสนล้านบาท ได้แปลงหนี้เป็นทุนเพียง 24.5% ดังนั้น เงินต้นยังคงเหลือ 9 หมื่นกว่าล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้สถาบันการเงิน (กลุ่ม 5 และกลุ่ม 6) รวมประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทไม่ได้รับการแฮร์คัทเลย

โดยช่วงที่ทำแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทกังวลว่าจะแปลงหนี้เป็นทุนไม่หมด เพราะช่วงนั้นสถานการณ์ธุรกิจไม่ดีเลย จึงขอแปลงหนี้เป็นทุน 24.5% เท่านั้น แต่สุดท้ายธุรกิจกลับมาได้ดี ซึ่งในส่วนการแปลงหนี้เป็นทุนในส่วนภาคสมัครใจ ได้รับการตอบรับดีมากจองเกินกว่า 3 เท่า

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ธ.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top