ครม.เห็นชอบยกเครื่องบริการภาครัฐ ลดขั้นตอน-ระยะเวลา อำนวยความสะดวกปชช.

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. …. ของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ซึ่งผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์และสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีซึ่งหน่วยงานของรัฐจะต้องมีการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยได้ขยายขอบเขตการบังคับใช้ให้ครอบคลุมถึงการให้บริการ และกำหนดเวลาการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจน ลดขั้นตอนการอนุญาตที่ไม่จำเป็น มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการอนุญาตและการให้บริการภาครัฐและให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจในการพิจารณาอนุมัติ อนุญาต เพียงเท่าที่จำเป็น ซึ่งจะเป็นการลดภาระและต้นทุนของประชาชน ลดการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในภาพรวม ได้แก่

– เพิ่มเติมหลักการพื้นฐานในการพิจารณาที่จะต้องมีการพัฒนาระบบการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

– กำหนดหลักเกณฑ์กลางเกี่ยวกับการรับและตรวจสอบคำขออนุญาต กรณีกฎหมายใดกำหนดให้ประชาชนต้องขออนุญาตหน่วยงานของรัฐต้องจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนภายใน 60 วัน นับแต่กฎหมายนั้นมีผลใช้บังคับและจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดในคู่มือดังกล่าว และแจ้งผู้ยื่นคำขอทราบภายใน 7 วัน นับแต่วันที่พิจารณาแล้วเสร็จ

– กำหนดให้มีระบบอนุญาตหลัก (Super License) ซึ่งเป็นกรณีจะต้องขออนุญาตต่อผู้อนุญาตหลายรายหรือหลายกระบวนการ เมื่อกำหนดให้ผู้ใดได้รับใบอนุญาตหลักของกิจการใดให้ถือว่าผู้นั้นได้รับใบอนุญาตรองของกิจการนั้นด้วย โดยไม่ต้องยื่นคำขอรับอนุญาตรองใหม่อีก

– กำหนดให้มีการทบทวนและปรับปรุงการใช้ระบบอนุญาตอย่างน้อยทุก 5 ปี พร้อมกับการประเมินผลสัมฤทธิ์ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการกำหนด

– กำหนดให้มีศูนย์รับคำขอกลาง เพื่อรับคำขอและเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่ประชาชนยื่นมา ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก

นอกจากนี้ยังได้เพิ่มมาตรการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยการจัดให้มีการเผยแพร่คู่มือสำหรับประชาชนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ให้มีระบบช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วนสำหรับประชาชนที่มีความจำเป็นเร่งด่วน แบบลดภาระดอกเบี้ยโดยเน้นตัดต้นเงิน และหนี้บัตรเครดิต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ธ.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top