ครม. เห็นชอบร่าง MOU ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจไทย-อียิปต์ใน 5 สาขา

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ (อียิปต์) และร่างแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างไทยและอียิปต์ โดยกำหนดทิศทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจร่วมกันในระยะ 5 ปี ผ่าน 5 สาขา ได้แก่

1) การค้าและการลงทุน เพื่อยกระดับการค้าและการลงทุนทวิภาคีระหว่างไทยกับอียิปต์ในอีก 5 ปีข้างหน้า และเพื่ออำนวยความสะดวกในการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างภาคีคู่สัญญา พร้อมทั้งการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน รวมถึงวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSME) ของภาคีคู่สัญญา

2) การเกษตร เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการเกษตรในสาขาที่ภาคีคู่สัญญามีความสนใจร่วมกัน และเพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการค้าสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ฮาลาล ปศุสัตว์และประมง

3) การรวมกลุ่มและเขตอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างภาคีคู่สัญญา และเพื่อส่งเสริมการลงทุนในการรวมกลุ่มและเขตอุตสาหกรรม รวมถึงความร่วมมือในด้านการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรม โดยกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพอาจรวมถึงยานยนต์และชิ้นส่วนโดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า อาหารและเกษตรแปรรูป ตลอดจนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

4) การท่องเที่ยว เพื่อเสริมสร้างการลงทุนภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องระหว่างภาคีคู่สัญญา รวมทั้งยกระดับการแบ่งปันข้อมูลเพื่อสร้างความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ลดความเสี่ยงและความสูญเสีย

5) MSME เพื่อส่งเสริมการพัฒนาของ MSME โดยบูรณาการเข้ากับห่วงโซ่มูลค่าโลกด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ รวมถึงพัฒนาเครือข่าย MSME ของภาคีคู่สัญญา

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาแล้วเห็นควรให้ความเห็นชอบ และกระทรวงการต่างประเทศ (กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าร่างเอกสารทั้งสองฉบับไม่มีสถานะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ธ.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top