สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนนี้
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 68.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 71.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI ได้รับปัจจัยหนุนหลังจากไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอล (Caixin/S&P Global) เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ย.ของจีนขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 5 เดือน ซึ่งทำให้นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดของโลก
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ยิงขีปนาวุธ 2 ลูกซึ่งมีเป้าหมายโจมตีฐานทัพอิสราเอลซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนเลบานอนเมื่อวานนี้ ขณะที่เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเตือนว่า อิสราเอลจะตอบโต้การกระทำดังกล่าว และประณามว่าการที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอิสราเอลนั้น เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงซึ่งมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่งผลให้ราคาน้ำมันลดช่วงบวก โดยราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.ยังคงไม่แน่นอน โดยจะขึ้นอยู่กับตัวเลขจ้างงานซึ่งจะมีการเปิดเผยในเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันเช่นกัน
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.ในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานจะพุ่งขึ้น 183,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 12,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 4.1%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ธ.ค. 67)
Tags: WTI, น้ำมัน, ราคาน้ำมัน