ดาวโจนส์ปิดลบ 128.65 จุด จับตาถ้อยแถลงพาวเวล-จ้างงานสหรัฐฯ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) แต่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,782.00 จุด ลดลง 128.65 จุด หรือ -0.29%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,047.15 จุด เพิ่มขึ้น 14.77 จุด หรือ +0.24% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,403.95 จุด เพิ่มขึ้น 185.78 จุด หรือ +0.97%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลงในการซื้อขายวันแรกของเดือนธ.ค. หลังจากที่พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนพ.ย. ซึ่งทำสถิติรายเดือนที่แข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq พุ่งขึ้น 5.7% และ 6.2% ในเดือนพ.ย.ตามลำดับ โดยดัชนี S&P500 ทำสถิติรายเดือนที่แข็งแกร่งที่สุดในปีนี้เช่นกัน

เจย์ ฮาร์ทฟิลด์ ซีอีโอบริษัท InfraCap กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นนิวยอร์กทำผลงานได้ดีในเดือนพ.ย. แต่คาดว่าตลาดจะเคลื่อนตัวในกรอบแคบ ๆ ในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยแม้ว่านโยบายปรับลดภาษีให้กับภาคธุรกิจและการผ่อนคลายกฎระเบียบในด้านต่าง ๆ จะเป็นปัจจัยหนุนตลาด แต่มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากบรรดาประเทศคู่ค้า ซึ่งรวมถึงจีน อาจจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด

ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการด้านการสื่อสาร และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ต่างก็ปรับตัวขึ้นราว 1% เมื่อคืนนี้ ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลงมากที่สุด โดยร่วงลง 2.08% และ 1.44% ตามลำดับ

หุ้นเทสลา (Tesla) พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของ Roth MKM ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเทสลาขึ้นสู่ระดับ “Buy” จากระดับ “Neutral” โดยเชื่อว่าการที่อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นผลดีต่อธุรกิจของเทสลา

หุ้นอะเมซอน (Amazon) พุ่งขึ้นกว่า 1% ขานรับการคาดการณ์ที่ว่ายอดการใช้จ่ายในวันไซเบอร์มันเดย์ (Cyber Monday) จะแข็งแกร่ง

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 48.4 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 46.5 ในเดือนต.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47.5

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย.

นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย โดยพาวเวลมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนา New York Times DealBook Summit ซึ่งจัดขึ้นที่นครนิวยอร์ก ในวันพุธที่ 4 ธ.ค. เวลา 13.45 น. ตามเวลาสหรัฐฯ หรือตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 5 ธ.ค. เวลา 01.45 น.ตามเวลาไทย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค. ส่วนในวันพุธจะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP, ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนต.ค.

สำหรับวันพฤหัสบดีจะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และดุลการค้าเดือนต.ค. และในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะพุ่งขึ้น 183,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 12,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 4.1%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ธ.ค. 67)

Tags: , , ,