นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงไทม์ไลน์การเตรียมความพร้อมและการช่วยเหลือเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง หลังเกิดดราม่าในสื่อโซเชี่ยลโจมตี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ได้สั่งการให้คณะทำงานฯ เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง หลังกรมอุตุนิยมวิทยาและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) คาดการณ์ว่าปริมาณฝนในพื้นที่ภาคใต้ปีนี้จะมากกว่าปกติ
-
วันที่ 24 พ.ย.67 ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมความพร้อมกำลังคน และเครื่องจักร ๆ ตามแผนเผชิญเหตุ
-
วันที่ 27 พ.ย.67 หลังจากนายกรัฐมนตรีได้รับรายงานสถานการณ์จาก ศปช.แล้วได้สั่งการให้ทุกหน่วยเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัยทันที รวมทั้งให้สำรวจความเสียหาย ฟื้นฟู และนำเสนอข้อมูลต่อ ครม.เพื่อดำเนินการช่วยเหลือ และตามแผนป้องกันระยะยาวได้ให้ศึกษาเรื่องการนำ “ผังน้ำ” ใช้ควบคู่กับ “ผังเมือง” เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างถาวรและตรงจุด
-
วันที่ 28 พ.ย.67 ผู้อำนวยการ ศปช. สั่งการให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม บินด่วนลงพื้นที่ประสานทุกภาคส่วนบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย โดยระดมเรือท้องแบน อาหาร ให้เจ้าหน้าที่กระจายลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประสานสำนักนายกรัฐมนตรีเตรียมพร้อมกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย
-
วันที่ 29 พ.ย.67 ผู้อำนวยการ ศปช.กำชับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย ช่วยเหลือต่อเนื่อง และประสาน ศอ.บต.ส่งอาหารเข้าพื้นที่ที่ถูกตัดขาด จัดเรือท้องแบนจากหน่วยทหารและเอกชนกว่า 50 ลำช่วยอพยพผู้สูงอายุ เด็ก และขนอุปกรณ์ช่วยเหลือ รวมทั้งให้ ปภ.ส่งเรือเข้าไปช่วยประมาณ 100 ลำ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะประธาน ศปช.ส่วนหน้า บินด่วนลงพื้นที่ จ.นราธิวาส และได้วิดีโอคอมเฟอเร้นท์ ร่วมกับที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการทั้งแผนระยะสั้นและแผนระยะกลาง และเมื่อน้ำลดจะเร่งดำเนินการฟื้นฟูเยียวยาต่อไป
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ประสานกรมบัญชีกลางเพิ่มงบทดรองจ่ายของผู้ว่าราชการจังหวัดจาก 20 ล้านบาทเป็น 50 ล้าน และให้ ปภ.เร่งจัดสรรสรรพกำลัง อุปกรณ์ เครื่องมือ โดยเฉพาะพาหนะทางน้ำตามที่ได้รับการร้องขอจากพื้นที่ทันที รวมทั้งทุกหน่วยงานอพยพผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง ไปยังจุดปลอดภัย พร้อมให้กระทรวงสาธารณสุขระดมแพทย์และบุคลากรทั้งหมดในพื้นที่ขนย้ายผู้ป่วยออกจากพื้นที่วิกฤตและจัดตั้งศูนย์พักพิงให้ความช่วยเหลือและอยู่อาศัยได้จนเข้าสู่ภาวะปกติ
“ตั้งแต่วันแรกที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก ปภ.ได้ประสาน กสทช.และค่ายมือถือส่ง SMS ไปยังประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัดที่มีความเสี่ยงประสบภัยรุนแรง ได้แก่ สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และนครศรีธรรมราช ทำให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเตรียมตัวได้ทัน มีการขนย้ายข้าวของไปไว้บนที่สูง ลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินได้จำนวนมาก” นายจิรายุ กล่าว
นอกจากนี้รัฐบาลยังเร่งให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง โดยกรมชลประทานได้นำเครื่องสูบน้ำ 33 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 7 เครื่อง เร่งระบายน้ำ ควบคู่กับการนำเรือและรถยนต์ยกสูงของหน่วยงานราชการเข้าช่วยเหลือประชาชน โดยมีการจัดตั้งโรงครัวพระราชทานกระจายไปในพื้นที่น้ำท่วม ขณะที่กรมปศุสัตว์มีการอพยพสัตว์จำนวน 2,431 ตัว และนำหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน 10,760 กิโลกรัม แจกให้เกษตรกรช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับผลกระทบ
-
วันที่ 30 พ.ย.67 กรมบัญชีกลางได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการให้กับ 6 จังหวัดภาคใต้ที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ได้แก่ สงขลา นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราชเพิ่มเติมแล้วจังหวัดละ 50 ล้านบาทเป็น 70 ล้านบาท เพื่อนำไปช่วยเหลือดูแลประชาชนได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ และให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประสบภัย
“นายกรัฐมนตรีได้สั่งการเมื่อคืนที่ผ่านมาให้ทุกหน่วยงานเร่งสำรวจโดยเฉพาะพื้นที่ที่น้ำลดว่า มีความเสียหายรูปแบบใดและให้กำหนดแนวทางเยียวยานำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยผ่านกลไก ศปช.ซึ่งมีการทำงานต่อเนื่องตั้งแต่อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ และสามารถเตรียมความพร้อมรับมือเหตุการณ์ในภาคใต้ได้อย่างทันท่วงที” นายจิรายุ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 67)
Tags: จิรายุ ห่วงทรัพย์, น้ำท่วมภาคใต้, เยียวยาน้ำท่วม